สอบเข้ามหาวิทยาลัย

สถิติการใช้อินเทอร์เน็ตโลกโดยรวม-ไทม์ไลน์การค้าออนไลน์

UploadImage
 
ไมเคิล อัลด์ริช (Michael Aldrich) ชายชาวอังกฤษเป็นผู้คิดค้นการค้าออนไลน์คนแรกบนโลกเมื่อปี 1979 หรือเมื่อ 35 ปีที่แล้ว ระบบของเขาทำงานด้วยการเชื่อมต่อโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และสายโทรศัพท์แบบเรียลไทม์ เป็นการเผยแพร่ข้อมูลด้านการค้าออกไปสู่โลกภายนอก ต่อมาพัฒนาจนกลายเป็น “e-Business” ซึ่งทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในหลายทาง จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันซึ่งเป็นยุคอินเทอร์เน็ตแพร่หลายและใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือสื่อสาร

ต่อมาในปี 2523 ไมเคิลเริ่มเปิดตลาดเป็นครั้งแรก แต่เป็นการค้าขายแบบบีทูบี หรือระหว่างบริษัทกับบริษัทเป็นหลัก ระบบนี้ถูกติดตั้งขึ้นในอังกฤษ ไอร์แลนด์ และสเปน ระบบของเขาถูกใช้จนถึงปี 2543 ส่วนการค้าแบบบีทูซี หรือระหว่างบริษัทกับลูกค้าโดยตรงเพิ่งจะมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อตอนที่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตแพร่หลายในยุคทศวรรษ 1990 หรือปี 2533


จากข้อมูลของเว็บไซต์ internetlivestats.com พบว่า ปัจจุบัน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 3 พันล้านราย นับตั้งแต่ปี 1993 คิดเป็น 40% ของประชากรโลกทั้งหมด ในขณะที่ปี 2538 หรือเมื่อ 19 ปีที่แล้วมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตน้อยกว่า 1% ซึ่งจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 10 เท่านับตั้งแต่ปี 2542- 2556 นอกจากนี้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแตะจำนวนพันล้านแรกเมื่อปี 2548 พันล้านถัดมาเมื่อปี 2553 หากมองสถิติปี 2557 เป็นภูมิภาค ทวีปเอเชียมีปริมาณผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงสุดถึง 48.4% รองลงมาเป็นอเมริกา 21.8 ยุโรป 19% แอฟริกา 9.8% และโอเชียเนีย 0.9%

หากจำแนกผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประเทศ แน่นอนว่าจีนครองแชมป์อันดับหนึ่ง 640 ล้านราย รองลงมาคือสหรัฐฯ 270 ล้านราย ตามด้วยอินเดีย 240 ล้านราย และญี่ปุ่น 100 ล้านราย ส่วนไทยอยู่ที่อันดับที่ 29 มีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกือบ 20 ล้านราย จาก 198 ประเทศทั่วโลก

ส่วนสถิติด้านเว็บไซต์ในปี 2557 พบว่าโลกนี้มีจำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดราว 1,100 ล้านเว็บ มีการส่งอีเมลกว่า 2 แสนล้านครั้ง ในเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างกูเกิลพลัสมีผู้ใช้เกือบ 765 ล้านราย ทวิตเตอร์ 300 ล้านราย อินสตาแกรมกว่า 130 ล้านราย ยูทูบมียอดผู้ชมรวมเกือบ 8,000 ล้านวิว และเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุดที่สุดคือเฟซบุ๊ก 1,300 ล้านราย นอกจากนี้สถิติยังพบอีกว่ามีการขายคอมพิวเตอร์ออกไปแล้วกว่า 7.3 แสนเครื่อง สมาร์ทโฟน 3 ล้านเครื่อง และแท็บเล็ต 7.5 ล้านเครื่อง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  ไทยพับลิก้า