สอบเข้ามหาวิทยาลัย
ศาลสั่งวัยรุ่นอ่านหนังสือ 35 เล่ม จากความผิดพ่นกำแพง
วันที่เวลาโพส
15 ก.พ. 60 14:14 น.
อ่านแล้ว
697
ผู้พิพากษาประจำรัฐ Virginia สั่งลงโทษวัยรุ่น 5 คนให้อ่านหนังสือเพื่อเข้าใจความหลากหลาย จากการกระทำผิดทำลายทรัพย์สินสาธารณะด้วยการ พ่นกราฟิตี้ที่มีเนื้อหาเหยียดลงบนกำแพงของ the Ashburn Colored School โรงเรียนของคนผิวดำและเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ของคนผิวสี
จากการกระทำความผิดของวัยรุ่น 5 คนเช่นการพ่นกราฟิตี้รูปสวัสดิกะ ภาพไดโนเสาร์และภาพโป๊เปลือยต่างๆ รวมไปถึงเขียนว่า ‘พลังคนขาว (white power)’ และ ‘พลังผิวน้ำตาล (brown power)’ ลงไปที่โรงเรียนที่เปิดก่อนสงครามกลางเมืองสิ้นสุด 30 ปีเพื่อให้การศึกษากับเด็กผิวดำ ผลคือ ศาลเห็นว่าเด็กพวกนี้แค่โง่เง่า ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ได้ตั้งใจจะแบ่งแยกหรือเหยียด ดังนั้นเลยลงโทษให้วัยรุ่นหัวทึบพวกนี้ไปอ่านหนังสือ 35 เล่ม ดูหนัง 14 เรื่อง ไปพิพิธภัณฑ์ 2 แห่ง เพื่อศึกษา โดยสุดท้ายให้ส่งบทความจากการศึกษาดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเรื่อง ‘ความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศ ชาติพันธุ์ ศาสนาและปัญหาจากความใจแคบ’
Alex Rueda อัยการประจำรัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวบอกว่าวัยรุ่นทั้ง 5 คนนั้นแค่โง่เฉยๆ โดยทั้งหมดไม่เคยมีความผิดอื่นมาก่อนหน้านี้ สิ่งที่วัยรุ่นพวกนี้ทำลงไปส่วนใหญ่เกิดจากความโง่และความไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปมันเป็นเรื่องจริงจังแค่ไหน ดังนั้นในเมื่อพวกไม่รู้และไม่เข้าใจใช่มั้ย ถ้างั้นจงไปทำความเข้าใจมาซะ ทางศาลเลยสั่งลงโทษให้ไปอ่านหนังสือ 35 เล่ม ที่เล่าเรื่องราวและมีประเด็นเรื่องการเหยียดชาติพันธุ์ ความเท่าเทียมทางเพศ เรื่องศาสนาหรือสงคราม เช่น The Color Purple ของ Alice Walker หรือ Night ของ Elie Wiesel เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้ไปดูหนังรางวัลออสการ์เช่น 12 Years a Slave และ Lincoln ด้วย
โดยรายชื่อหนังสือทั้ง 35 เล่ม มีดังนี้
1. The Color Purple by Alice Walker
2. Native Son by Richard Wright
3. Exodus by Leon Uris
4. Mitla 18 by Leon Uris
5. Trinity by Leon Uris
6. My Name Is Asher Lev by Chaim Potok
7. The Chosen by Chaim Potok
8. The Sun Also Rises by Ernest Hemingway
9. Night by Elie Wiesel
10. The Crucible by Arthur Miller
11. The Kite Runner by Khaled Hosseini
12. A Thousand Splendid Suns by Khaled Hosseini
13. Things Falls Apart by Chinua Achebe
14. The Handmaid’s Tale by Margaret Atwood
15. To Kill a Mockingbird by Harper Lee
16. I Know Why the Caged Bird Sings by Maya Angelou
17. The Immortal Life of Henrietta Lacks by Rebecca Skloot
18. Caleb’s Crossing by Geraldine Brooks
19. Tortilla Curtain by TC Boyle
20. The Bluest Eye by Toni Morrison
21. A Hope in the Unseen by Ron Suskind
22. Down These Mean Streets by Piri Thomas
23. Black Boy by Richard Wright
24. The Beautiful Struggle by Ta-Nehisi Coates
25. Eichmann in Jerusalem by Hannah Arendt
26. The Underground Railroad by Colson Whitehead
27. Reading Lolita in Tehran by Azar Nafisi
28. The Rape of Nanking by Iris Chang
29. Infidel by Ayaan Hirsi Ali
30. The Orphan Master’s Son by Adam Johnson
31. The Help by Kathryn Stockett
32. Cry the Beloved Country by Alan Paton
33. Too Late the Phalarope by Alan Paton
34. A Dry White Season by Andre Brink
35. Ghost Soldiers by Hampton Sides
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : The MATTER
จากการกระทำความผิดของวัยรุ่น 5 คนเช่นการพ่นกราฟิตี้รูปสวัสดิกะ ภาพไดโนเสาร์และภาพโป๊เปลือยต่างๆ รวมไปถึงเขียนว่า ‘พลังคนขาว (white power)’ และ ‘พลังผิวน้ำตาล (brown power)’ ลงไปที่โรงเรียนที่เปิดก่อนสงครามกลางเมืองสิ้นสุด 30 ปีเพื่อให้การศึกษากับเด็กผิวดำ ผลคือ ศาลเห็นว่าเด็กพวกนี้แค่โง่เง่า ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ได้ตั้งใจจะแบ่งแยกหรือเหยียด ดังนั้นเลยลงโทษให้วัยรุ่นหัวทึบพวกนี้ไปอ่านหนังสือ 35 เล่ม ดูหนัง 14 เรื่อง ไปพิพิธภัณฑ์ 2 แห่ง เพื่อศึกษา โดยสุดท้ายให้ส่งบทความจากการศึกษาดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเรื่อง ‘ความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศ ชาติพันธุ์ ศาสนาและปัญหาจากความใจแคบ’
Alex Rueda อัยการประจำรัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวบอกว่าวัยรุ่นทั้ง 5 คนนั้นแค่โง่เฉยๆ โดยทั้งหมดไม่เคยมีความผิดอื่นมาก่อนหน้านี้ สิ่งที่วัยรุ่นพวกนี้ทำลงไปส่วนใหญ่เกิดจากความโง่และความไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปมันเป็นเรื่องจริงจังแค่ไหน ดังนั้นในเมื่อพวกไม่รู้และไม่เข้าใจใช่มั้ย ถ้างั้นจงไปทำความเข้าใจมาซะ ทางศาลเลยสั่งลงโทษให้ไปอ่านหนังสือ 35 เล่ม ที่เล่าเรื่องราวและมีประเด็นเรื่องการเหยียดชาติพันธุ์ ความเท่าเทียมทางเพศ เรื่องศาสนาหรือสงคราม เช่น The Color Purple ของ Alice Walker หรือ Night ของ Elie Wiesel เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้ไปดูหนังรางวัลออสการ์เช่น 12 Years a Slave และ Lincoln ด้วย
โดยรายชื่อหนังสือทั้ง 35 เล่ม มีดังนี้
1. The Color Purple by Alice Walker
2. Native Son by Richard Wright
3. Exodus by Leon Uris
4. Mitla 18 by Leon Uris
5. Trinity by Leon Uris
6. My Name Is Asher Lev by Chaim Potok
7. The Chosen by Chaim Potok
8. The Sun Also Rises by Ernest Hemingway
9. Night by Elie Wiesel
10. The Crucible by Arthur Miller
11. The Kite Runner by Khaled Hosseini
12. A Thousand Splendid Suns by Khaled Hosseini
13. Things Falls Apart by Chinua Achebe
14. The Handmaid’s Tale by Margaret Atwood
15. To Kill a Mockingbird by Harper Lee
16. I Know Why the Caged Bird Sings by Maya Angelou
17. The Immortal Life of Henrietta Lacks by Rebecca Skloot
18. Caleb’s Crossing by Geraldine Brooks
19. Tortilla Curtain by TC Boyle
20. The Bluest Eye by Toni Morrison
21. A Hope in the Unseen by Ron Suskind
22. Down These Mean Streets by Piri Thomas
23. Black Boy by Richard Wright
24. The Beautiful Struggle by Ta-Nehisi Coates
25. Eichmann in Jerusalem by Hannah Arendt
26. The Underground Railroad by Colson Whitehead
27. Reading Lolita in Tehran by Azar Nafisi
28. The Rape of Nanking by Iris Chang
29. Infidel by Ayaan Hirsi Ali
30. The Orphan Master’s Son by Adam Johnson
31. The Help by Kathryn Stockett
32. Cry the Beloved Country by Alan Paton
33. Too Late the Phalarope by Alan Paton
34. A Dry White Season by Andre Brink
35. Ghost Soldiers by Hampton Sides
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : The MATTER
