ในแต่ละปี ล้วนเกิดคำศัพท์ที่เป็นคำพูดติดปาก ซึ่งเป็นการตั้งขึ้นจากเหตุการณ์บางอย่างและมีการใช้อย่างแพร่หลายในสังคม และคำศัพท์เหล่านี้อาจจะเป็นคำเดิม แต่มีการตีความหมายใหม่ หรือเป็นการบัญญัติคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาเลยก็มี ดังนั้น เราควรรู้คำ Slang เหล่านี้ไว้ เพื่อที่จะสื่อสารได้อย่างเข้าใจและถูกต้อง ที่สำคัญ มันดู trendy และชิคๆ คูลๆ มาก ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย!
1. Stan
คำนี้น่าจะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในเหล่าสาวก Eminem จากเพลง Stan เมื่อปี 2000 (นานมาก) จากเหตุการณ์ที่มีแฟนคลับ Eminem ชื่อ Stan ซึ่งบังเอิญขับรถลงคลองในช่วง climax ของเพลงพอดี! หลังจากนั้นคำว่า Stan ก็หมายถึง แฟนคลับถึกทนทายาทของเหล่าดาราไปโดยปริยาย
2. Full send
คำนี้เดิมทีอธิบายถึงช่วงเวลาที่เราใจกล้าบ้าบิ่น มุ่งหน้าเข้าหาภัยอันตรายโดยไม่เกรงกลัว แต่ปัจจุบัน คำนี้ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันในแง่ของการไม่กลัวซึ่งผลกระทบที่จะตามมา มีอะไรเทหมดหน้าตัก หรือไปตายเอาดาบหน้านั่นเอง
3. Wig
Wig นี้คือคำที่เราเรียกว่า “วิกผม” นั่นเอง แต่ถูกนำมาใช้ในการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากๆ จนวิกแทบปลิว ไม่สำคัญว่าเราจะต้องใส่วิกหรือไม่
การพูดว่า “Wig!” หรือ “omg (Oh my god) wig flew” จะเป็นการพูดถึงเหตุการณ์ที่น่าอับอาย หรืออื้อฉาว เป็นคำที่ใช้ในเชิงลบเสียมากกว่า
4. Tea
คำศัพท์นี้เราคงรู้จักกันอยู่แล้ว Tea แปลตรงตัวว่า ชา แต่ตอนนี้ถูกใช้ในเชิงของเรื่องข่าวลือ Gossip ต่างๆ สามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ถือว่าเป็นเชิงลบแต่อย่างใด เช่น What’s the tea? แปลว่า มีข่าวลืออะไรบ้าง หรือการที่ใช้เรียกถึงดราม่าเข้มข้นรุนแรง ก็อาจจะใช้เป็นอักษรตัวใหญ่หมด (TEA!)
5. Snatched
คำศัพท์นี้อาจจะใช้เฉพาะเจาะจงหน่อย ในวงการแฟชั่น การใช้คำว่า Snatched หมายถึง การมีภาพลักษณ์ที่ดูแฟชั่นอินเทรนด์มากๆ ถือเป็นการชมเยินยอกันเบาๆ
6. Sus
โปรดอ่านเป็นสำเนียงอังกฤษ คำนี้มาจากคำว่า “Suspect” ที่แปลว่า ผู้ต้องหานั่นเอง สามารถนำมาใช้กับเพื่อนๆ ในกลุ่มได้ในแง่ของการที่ทำตัวมีพิรุธ น่าสงสัย และเราคิดว่าเพื่อนต้องปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
หากเริ่มสงสัยก็พูดไปเลยว่า “You’re being sus”. แปลว่า เธอทำตัวน่าสงสัย นั่นเอง
7.Woke
ความหมายเดิมของคำนี้คือกริยาของการตื่น แต่ในที่นี้ คือการพูดถึงผู้ที่เข้าถึงความจริง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความเชื่อผิดๆ ที่ตนเคยเชื่อมาตลอด หรือผู้ตื่นรู้นั่นเอง
8.Flex
คำ Slang นี้เป็นการอธิบายถึงกิริยาของการอวดไลฟ์สไตล์ที่ฟุ่มเฟือย ค่อนไปในทางที่ไม่เหมาะสมเท่าไร เช่น “Flexing on Instagram” ที่แปลว่า การอวดรวยบนอินสตาแกรมนั่นเอง
9.Left on read
ที่มาของคำนี้ เริ่มมาจากการขึ้นเครื่องหมายว่า “อ่านแล้ว” บน iMessage ที่แสดงให้เห็นว่าคนๆ นั้นอ่านข้อความของเราแล้ว คำนี้หมายถึง คนที่อ่านข้อความของเราแล้วไม่ตอบกลับ ปล่อยให้ขึ้นอ่านคาไว้อยู่อย่างนั้น แสดงว่าคำนี้ทำร้ายใครหลายๆ คนเหมือนกันนะ ถึงขั้นขึ้นเป็น Slang รับปีใหม่กันเลยทีเดียว
10. Collecting receipts
คำนี้หมายถึงการเก็บหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจจะเป็นรูปภาพ วีดีโอ ฯลฯ เพื่อพิสูจน์จุดยืนหรือมุมมองของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้
ได้ Slang เจ๋งๆ แบบนี้ไปใช้กันแล้ว บอกเลยว่าไม่มี out และสามารถไป chitchat กับฝรั่งได้น้ำไหลไฟดับไม่มีอายใครอย่างแน่นอน
ที่มา
www.ef.com