หน้าแรก เรียนเป็นผู้ประกอบการ ข่าว/บทความ

#คิดอย่างผู้ประกอบการ ทำแบรนด์ไทยให้เท่ห์ "ศรีจันทร์" จากแบรนด์ไทยยุคเก่า กลับมาโลดแล่นใหม่ได้อย่างสง่างาม!! (ตอนที่ 1)

วันที่เวลาโพส 15 มีนาคม 60 17:23 น.
อ่านแล้ว 0
P' แพว AdmissionPremium

มีให้เห็นกันอยู่ไม่น้อย สำหรับกิจการหรือแบรนด์สินค้ารุ่นเก่ารุ่นเก๋าทั้งรายใหญ่หรือรายย่อย ที่ไม่อาจต้านทานและปรับตัวให้ลื่นไหลไปกับกระแสของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้ เพราะผู้คนทุกเพศทุกวัย ต่างก็เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอยู่ตอลดเวลา รวมไปถึงแบรนด์คู่แข่งก็จัดเต็มแบบไม่รีรอให้คุณตั้งตัวได้ ดังนั้น การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาด การทบทวนกลยุทธ์และรีแบรนดิ้งอยู่ตลอด จึงเป็นสำคัญที่ผู้ประกอบการจะเพิกเฉยไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงการล้มหายตายไปจากตลาดและความทรงจำของผู้คน


และหนึ่งในกิจการของคนไทยที่ไม่มองข้ามและเห็นความท้าทายในความเปลี่ยนแปลงต่างๆ สามารถปรับตัวหยิบยกกลยุทธ์การรีแบรนด์มาใช้ จนนำพาให้ผลิตภัณฑ์ฟื้นกลับมามีชีวิตโลดลแล่นและประสบความสำเร็จอยู่ในยุคปัจจุบันได้ คงหนีไม่พ้น “ศรีจันทร์” แบรนด์เครื่องสำอางเก่าแก่แบรนด์หนึ่งของไทย และนี่คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการทุกคนควรเรียนรู้หากต้องการชนะใจผู้บริโภคในยุคแห่งการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงนี้ และนี่คือ 10 แนวคิดที่ศรีจันทร์ทำให้แบรนด์กลับมาฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง


UploadImage
1. การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเร่งด่วน
“ศรีจันทร์” เคยเป็นสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายมองว่ามีภาพลักษณ์ที่โบราณ ผู้คนยุคใหม่ไม่รู้จัก และรู้สึกว่าแบรนด์ไม่ได้สำคัญหรือเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขา ดังนั้นทีมบริหารของศรีจันทร์จึงต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ต้องอาศัยมาความเข้าใจจากคนในองค์กร ทุกจำเป็นต้องเข้าใจร่วมกันว่าการรีแบรนด์ทั้งสินค้า ภาพลักษณ์ หรือการตลาด เป็นเรื่องเร่งด่วนซึ่งเป็นสิ่งที่จะส่งผลดีต่อองค์กรและทุกฝ่าย โดยศรีจันทร์เลือกใช้โมเดลการเปลี่ยนแปลง 8 ขั้น ของ John Kopler มาเป็นตัวช่วย


2. มีวิสัยทัศน์ให้ฝันของตัวเองและเพื่อนร่วมงานได้เดินไปร่วมกัน
วิสัยทัศน์ของศรีจันทร์จะต้องเข้มแข็ง สามารถทำให้ทุกคนจดจำได้มากขึ้น และสามารถสร้างแรงบันดาลใจแก่คนในและนอกบริษัทได้ นั่นก็คือ ศรีจันทร์จะทำให้คนไทยภูมิใจและอยู่ในใจคนไทย วิสัยทัศน์นี้ทำให้มีคนอยากทำงานกับศรีจันทร์ คนในองค์กรเองลุกขึ้นมาทำงานเพื่อวิสัยทัศน์ไม่ใช่แค่ทำงานเพื่อเงินเท่านั้น และ “อย่าหัวเราะกับความฝันของใครอีกเลย เพราะมันอาจจะเป็นไปได้จริงๆ และอย่าดูถูกความฝันของตัวเอง”

UploadImage
3. ลงไปวิจัยตลาดด้วยตัวเอง
การที่ทีมผู้บริหารระดับสูงลงมาดูแล ให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูล สัมภาษณ์ สังเกตทัศนคติ พฤติกรรม และสภาพแวดล้อมของแบรนด์และผู้บริโภคในตลาดจริงๆ ทำให้ทีมได้ข้อมูลเชิงลึกและเป็นประโยชน์ในการพัฒนากลยุทธ์มากกว่าเดิม เช่น ข้อมูลที่ว่า แต่ก่อนกลุ่มเป้าหมายยังมองศรีจันทร์ว่าเชยและไม่เกี่ยวกับเขา ผู้หญิงต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ตัวเองสวยประทับใจคนอื่นที่พบเห็น ใช้แล้วเห็นผลทันที และผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบใช้แป้งฝุ่นที่โต๊ะเครื่องแป้งหรือแบ่งใส่กระปุก ไม่พกให้หกในกระเป๋า แต่ถ้าจะพกก็ต้องมีขนาดไม่หนาเกินกว่าจะใส่ในกระเป๋า ทีมของศรีจันทร์จึงตัดสินใจวางแบรนด์เป็น Beauty Treatment ออกผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่น Translucent ขนาด 10 กรัม ควบคุมความมัน มีฝาที่ถูกออกแบบมาเพื่อกันแป้งหก สามารถพกในกระเป๋าได้ไม่เทอะทะ และมีรูปแบบที่ผู้ใช้ ใช้แล้วจะรู้สึกว่าภาคภูมิใจ


4. ใส่ใจในทุกรายละเอียดของสินค้าทุกชิ้น
ศรีจันทร์ต้องการให้ผู้บริโภคสัมผัสถึงความตั้งใจในการทำสินค้าทุกชิ้น โดยสังเกตได้จากทุกรายละเอียด อย่างพัฟของแป้งฝุ่นที่ผ้าที่ใช้กับใบหน้าเป็นผ้านุ่มชั้นดีราคาแพงจากญี่ปุ่น และเลือกกระดาษจากฟินแลนด์นำมาทำเป็นกล่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่หยิบจับสินค้า และรับรู้ว่าหากผลิตภัณฑ์ของศรีจันทร์มีคุณภาพ ของข้างในก็จะต้องดีมีคุณภาพเหมือนกันแน่นอน



UploadImage

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :
www.marketingoops.com
http://www.facebook.com/pg/srichand1948/photos/
https://srichand.co.th
 

คนอื่นๆอ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ

หมวด