สอบเข้ามหาวิทยาลัย

เปิดตัวเด็กเก่ง"แสงทิพย์" ทำ"คะแนนแพทย์"สูงสุด!

UploadImage


คณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ ม.มหิดล เปิดตัวเด็กเก่ง “แสงทิพย์ โชคอำนวย” ทำคะแนนสอบแพทย์สูงสุดของประเทศ ปลื้มเด็กอยากเป็นแพทย์จริง ไม่มีใครบังคับให้เรียน


           เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ตึกอดุลยเดชวิกรม โรงพยาบาลศิริราช ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) แถลงข่าวเปิดตัวนักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ จากการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต ในระบบรับตรง ปีการศึกษา 2559 ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) โดย ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ กล่าวว่า จากการประมวลผลการสอบของ กสพท. พบว่า ในปีนี้นักเรียนที่ทำคะแนนสูงสุดของประเทศ สอบติดที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มม. ได้แก่ น.ส.แสงทิพย์ โชคอำนวย นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ทำคะแนนได้ 82.83 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งมีคะแนนใกล้เคียงกับผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดของประเทศในปีที่ผ่านมา

           ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ มีผู้สมัครจำนวน 4,679 คน อัตราการแข่งขัน 1:18 มีผู้สอบผ่านการคัดเลือก 281 คน สละสิทธิ์ 16 คน เหลือ 265 คน โดยหลังจากนี้ทุกคนต้องเตรียมนำคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต มายื่นภายในวันที่ 20 เม.ย.2559 โดยคนใดมีคะแนนโอเน็ตน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 60% จะถูกตัดสิทธิ์การเข้าศึกษาต่อ อย่างไรก็ตามต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกคนที่สอบผ่านการคัดเลือก ซึ่งน่าดีใจที่จากการสอบถามนักเรียนพบว่า ทุกคนอยากเรียนแพทย์ เพราะชอบ และตั้งใจเป็นแพทย์จริงๆ ไม่ได้ถูกใครบังคับให้มาเรียน จึงถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะถ้าได้เรียนโดยที่เราไม่ชอบ หรือถูกค่านิยมของสังคม รวมถึงผู้ปกครองบังคับให้เรียน เมื่อเด็กเข้ามาเรียนก็รู้สึกเป็นทุกข์ และไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน โดยในแต่ละปีจะมีนักศึกษาที่ต้องลาออกกลางคัน แม้ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณปีละ 1 คน แต่ก็ถือเป็นความสูญเสียในการลงทุนผลิตแพทย์ของประเทศ และเสียเวลาด้วย

          ด้าน น.ส.แสงทิพย์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่สอบติดแพทย์ศิริราช ซึ่งเลือกไว้เป็นอันดับที่ 1 แต่ไม่คิดว่าจะได้คะแนนสูงที่สุดของประเทศ โดยตนอยากเป็นแพทย์ตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นวิชาชีพที่มีเกียรติ และเสียสละ ซึ่งตนชอบเรียนด้านชีววิทยา และร่างกายมนุษย์ อีกทั้งปัจจุบันมีผู้ป่วยเยอะ รวมทั้งมีโรคต่างๆ มากมาย ดังนั้นหากได้เป็นแพทย์ก็จะช่วยเหลือคนได้เยอะ ส่วนการเตรียมตัวสอบครั้งนี้ ตนตั้งใจเรียนในห้องเรียน แต่ช่วงปิดภาคเรียน ม.5 เริ่มจริงจังวางแผนอ่านหนังสือ และเรียนพิเศษ เน้นคอร์สตะลุยโจทย์ ทั้งนี้ตนมองว่าการเรียนกวดวิชาช่วยเสริมให้มั่นใจมากขึ้น แต่การอ่านหนังสือจะเป็นพื้นฐานที่ดีมากกว่า สำหรับข้อสอบในปีนี้มีบางวิชาค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ได้ออกเกินหลักสูตรและเนื้อหาที่เรียนในห้องเรียน ซึ่งตนอยากให้ครูฝึกให้เด็กทำโจทย์มากขึ้น เพราะจะทำให้เด็กสามารถฝึกการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการตอบข้อสอบได้ อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นด้วยกับการนำข้อสอบอัตนัยมาใช้กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะยังไม่มั่นใจในระบบการตรวจข้อสอบของผู้ตรวจแต่ละคนว่ามีมาตรฐานเดียวกันหรือไม่

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เดลินิวส์ 

 
UploadImage