เคยสังเกตไหมว่าบางช่วงอ่านหนังสือได้สมาธิดีมาก แต่พอผ่านไปประมาณชั่วโมงครึ่ง สมองก็เริ่มชา ไม่อยากทำอะไร? นี่ไม่ใช่เพราะคุณขาดวินัยหรืออ่อนแอ แต่เป็นเรื่องของ Ultradian Rhythms - จังหวะธรรมชาติของร่างกายที่วนซ้ำทุกๆ 90-120 นาที ซึ่งส่งผลต่อพลังงาน สมาธิ และประสิทธิภาพการทำงาน ถ้าเราเข้าใจและทำงานสอดคล้องกับจังหวะนี้ จะเรียนรู้ได้ดีขึ้นและไม่หมดไฟ
Ultradian Rhythms คืออะไร?
Ultradian Rhythms คือวงจรชีวภาพที่ซ้ำรอบน้อยกว่า 24 ชั่วโมง (Ultra = เกิน, dian = วัน)
เปรียบเทียบกับจังหวะอื่น:
- Circadian Rhythm: 24 ชั่วโมง (กลางวัน-กลางคืน)
- Infradian Rhythm: มากกว่า 24 ชั่วโมง (รอบเดือน)
- Ultradian Rhythm: น้อยกว่า 24 ชั่วโมง (90-120 นาที)
ตัวอย่าง Ultradian Rhythms:
- วงจรการนอน (REM/Non-REM ทุก 90 นาที)
- ความหิว (ทุก 90-120 นาที)
- BRAC - Basic Rest-Activity Cycle (ขณะตื่น)
BRAC: Basic Rest-Activity Cycle
ค้นพบโดย: Nathaniel Kleitman (1960s) - "บิดาแห่ง Sleep Research"
การค้นพบ: Kleitman สังเกตว่าระหว่างนอน มี REM-Non-REM cycle ทุก 90 นาที จากนั้นพบว่าขณะตื่นก็มีจังหวะคล้ายกัน!
BRAC ขณะตื่น:
[90-120 นาทีวนซ้ำ]
HIGH ENERGY (75-90 นาที)
↑
| สมาธิดี
| ทำงานได้เร็ว
| คิดแก้ปัญหาได้ดี
|
↓
LOW ENERGY (20-30 นาที)
| สมาธิลดลง
| เหนื่อย ง่วง
| อยากพัก
↓
[วนซ้ำใหม่]
ทำไม Ultradian Rhythms ถึงเกิดขึ้น?
สาเหตุที่ 1: ระบบประสาทอัตโนมัติ
2 ระบบที่สลับกันทำงาน:
Sympathetic Nervous System (ตื่นตัว):
- Fight-or-flight mode
- Heart rate เพิ่ม
- Cortisol, adrenaline สูง
- ทำงาน ใช้สมาธิ
- ใช้ได้ 90-120 นาที
Parasympathetic Nervous System (พักผ่อน):
- Rest-and-digest mode
- Heart rate ลด
- ผ่อนคลาย
- ซ่อมแซมร่างกาย
- ต้องการ 20-30 นาที
ร่างกายไม่ได้ออกแบบให้ทำงานหนักต่อเนื่องนานๆ!

สาเหตุที่ 2: Brain Chemistry
Neurotransmitters มีจำกัด:
- Dopamine (motivation)
- Norepinephrine (alertness)
- Acetylcholine (attention)
หลัง 90-120 นาที:
- Neurotransmitters หมด → ต้องการเวลา replenish
- Adenosine (ทำให้ง่วง) สะสม → ต้องการ clear
- Glucose ในสมองลดลง → ต้องการ rest
สาเหตุที่ 3: Prefrontal Cortex Fatigue
Prefrontal cortex (สมองส่วนหน้า):
- รับผิดชอบ: focus, decision-making, willpower
- ใช้พลังงานมากที่สุดในสมอง
- หมดแรงเร็ว!
หลังทำงาน 90 นาที:
- PFC เหนื่อย
- สมาธิลดลง
- ตัดสินใจได้ช้าลง
- ต้องการพัก 20 นาที เพื่อ recharge
งานวิจัยสำคัญ
การทดลอง 1: Peretz et al. (2011) - Performance Patterns
วิธีทดลอง: ให้ผู้เข้าร่วมทำ cognitive tasks ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง โดยวัด performance ทุก 15 นาที
ผลการทดลอง:
- Performance สูงสุดใน 90 นาทีแรกของแต่ละ cycle
- ลดลงอย่างชัดเจนในนาทีที่ 90-120
- หลังพัก 20 นาที performance กลับมาสูงอีกครั้ง
สรุป: BRAC เกิดขึ้นจริง มีผลต่อ performance
การทดลอง 2: Ericsson et al. (1993) - Expert Performance
ศึกษา: นักไวโอลินระดับโลก ฝึกซ้อมอย่างไร?
ผลการศึกษา: นักไวโอลินระดับโลกฝึกซ้อม:
- Session ละ 90 นาที (ไม่เกิน!)
- พัก 20-30 นาทีระหว่าง session
- รวมวันละ 3-4 sessions (ประมาณ 4-5 ชั่วโมงจริงๆ)
นักไวโอลินระดับปานกลาง:
- ฝึกซ้อมต่อเนื่อง 3-4 ชั่วโมง
- ไม่ค่อยพัก
- ได้ผลแย่กว่า!
ข้อสังเกต:
- Quality > Quantity
- ทำงานสั้นแต่เข้มข้น ดีกว่า นานแต่ไม่มีประสิทธิภาพ
การทดลอง 3: Rossi & Nimmons (1991) - Ultradian Stress
พบว่า: คนที่ละเลย ultradian breaks จะมี:
- Stress hormones สูงขึ้น
- ประสิทธิภาพลดลง 20-30%
- เสี่ยง burnout
- ปัญหาสุขภาพระยะยาว
คำศัพท์: "Ultradian Stress Syndrome" = อาการที่เกิดจากฝืนทำงานต่อเนื่องโดยไม่ยอมพัก
วิธีใช้ Ultradian Rhythms ในการเรียน
กลยุทธ์ที่ 1: The 90-Minute Work Block
โครงสร้าง:
90 นาที: ทำงานเต็มที่ (Deep Work)
↓
20 นาที: พักจริงๆ (Real Break)
↓
[ทำซ้ำ]
90 นาที Deep Work:
- เลือกงานหนึ่งอย่าง (single-task)
- ปิดมือถือ, แจ้งเตือนทั้งหมด
- ไม่เช็คโซเชียลมีเดีย
- โฟกัสเต็มที่
- จะรู้สึกเหนื่อยตอนนาทีที่ 80-90 = ปกติ!
20 นาที Real Break:
- ไม่ใช่: ดูมือถือ, เล่นเกม, ดู Netflix
- ควรเป็น:
- เดิน (outdoor ถ้าได้)
- Stretch/yoga เบาๆ
- กินอาหารว่าง (ผลไม้, ถั่ว)
- พูดคุยกับคน
- หลับตาพัก
- ไม่ทำอะไรเลย (ฟังเพลงช้าๆ)
ทำไมต้องเป็น "real" break:
- ดูมือถือ = ยังใช้ prefrontal cortex → ไม่ได้พัก
- ต้องให้สมองพักจริงๆ ถึงจะ restore
กลยุทธ์ที่ 2: Recognize Your Signals
สัญญาณว่าถึงเวลาพัก:
- หาวบ่อยๆ
- ต้องอ่านซ้ำๆ เพราะจำไม่ได้
- มองออกหน้าต่างบ่อยขึ้น
- หยิบมือถือขึ้นมา (โดยไม่รู้ตัว)
- เริ่มง่วง หนักตา
- หงุดหงิดง่ายขึ้น
- ความคิดลอยไปไหนมาไหน
อย่าฝืน! สัญญาณเหล่านี้ = ร่างกายบอกว่า "ถึงเวลาพัก"
กลยุทธ์ที่ 3: Schedule Around Ultradian Rhythms
ตัวอย่างตารางเรียนวันหนึ่ง:
08:00-09:30 (90 min): อ่านหนังสือเนื้อหาใหม่ที่ยาก
09:30-09:50 (20 min): พัก - เดินรอบๆ, กินผลไม้
09:50-11:20 (90 min): ทำโจทย์คณิตศาสตร์
11:20-11:40 (20 min): พัก - ยืดตัว, ดื่มน้ำ
11:40-13:10 (90 min): เขียน essay
13:10-14:00 (50 min): กินข้าวเที่ยง + พักยาว
14:00-14:20 (20 min): Power nap (ถ้างีบได้)
14:20-15:50 (90 min): Review flashcards, ทำงานง่ายๆ
15:50-16:10 (20 min): พัก - เดินข้างนอก
16:10-17:40 (90 min): เรียนกลุ่ม/สอนเพื่อน
รวม: 6 ชั่วโมงเรียนจริงๆ ใน 9.5 ชั่วโมง แต่: มีคุณภาพสูงกว่าอ่าน 9 ชั่วโมงติดไม่พัก

กลยุทธ์ที่ 4: Adjust to Your Personal Rhythm
ไม่จำเป็นต้องเป็น 90 นาทีเป๊ะ!
บางคนมี cycle:
- 75 นาที (สั้นกว่า)
- 120 นาที (ยาวกว่า)
วิธีหา:
- สังเกตตัวเอง 1 สัปดาห์
- จดว่าทำงานได้กี่นาที ก่อนเริ่มเหนื่อย
- นั่นคือ cycle ของคุณ
- วางแผนให้เหมาะสม
กลยุทธ์ที่ 5: Ultradian Breaks ≠ Procrastination
ความแตกต่าง:
Ultradian Break (ดี):
- พักตาม schedule
- พักเพราะถึงเวลา (หลัง 90 นาที)
- พักจริงๆ (ไม่ใช้สมอง)
- กลับมาทำงานต่อตามแผน
Procrastination (ไม่ดี):
- "พัก" เพราะไม่อยากทำงาน
- พักก่อนเริ่ม หรือพักบ่อยเกินไป
- "พัก" โดยดูมือถือ, เล่นเกม
- ไม่กลับมาทำงาน
คีย์: ใช้ timer ตั้ง 90 นาที → พักเมื่อถึงเวลา (ไม่ใช่พักตอนอยากพัก)

กลยุทธ์ที่ 6: Types of Breaks for Different Needs
Physical breaks (ร่างกายเหนื่อย):
- เดิน 10 นาที
- Stretching
- นั่งสมาธิ
Mental breaks (สมองเหนื่อย):
- ปิดตาพัก
- ฟังเพลงเบาๆ
- มองธรรมชาติ (Nature effect!)
Social breaks (อยากมีปฏิสัมพันธ์):
- คุยกับเพื่อน/ครอบครัว
- โทรหาคนสนิท
Creative breaks (สมองจม):
- เดินไร้เป้าหมาย
- Doodle วาดภาพ
- อาบน้ำ (ไอเดียมักมาตอนนี้!)
ข้อผิดพลาดที่มักเกิด
ผิดพลาดที่ 1: ไม่ยอมพัก
ความคิด: "ฉันต้องอ่านหนังสือ 4 ชั่วโมงติด!"
ความจริง:
- นั่งอ่าน 4 ชั่วโมงติด = เรียนได้จริง 2 ชั่วโมง (ที่เหลือนั่งเฉยๆ)
- อ่าน 90 นาที, พัก 20, อ่านอีก 90 นาที, พัก 20 = เรียนได้จริง 3 ชั่วโมง
ประสิทธิภาพ:
- แบบที่ 1: 4 ชั่วโมง = 2 ชม. มีประสิทธิภาพ (50%)
- แบบที่ 2: 4 ชั่วโมง (รวมพัก) = 3 ชม. มีประสิทธิภาพ (75%)
ผิดพลาดที่ 2: "พัก" โดยใช้มือถือ
Screen time ≠ Rest!
- ดูโซเชียล, เล่นเกม = ยังใช้สมอง
- Prefrontal cortex ยังทำงาน
- ไม่ได้พักจริงๆ
ผลลัพธ์: รู้สึกว่าพักแล้ว แต่สมองยังเหนื่อยเหมือนเดิม
ผิดพลาดที่ 3: พักยาวเกินไป
พักเกิน 30 นาที:
- เข้าสู่ sleep inertia (ถ้างีบ)
- Loss of momentum
- ยากที่จะกลับมาทำงานต่อ
Sweet spot: 15-25 นาที

ผิดพลาดที่ 4: ละเลยสัญญาณร่างกาย
ฝืนทำงานต่อแม้รู้สึกเหนื่อย:
- ประสิทธิภาพลดลงมาก
- ทำให้เกิด mistakes
- สะสมเป็น chronic fatigue
จำไว้: ร่างกายฉลาดกว่าเรา รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องพัก
ผิดพลาดที่ 5: คาดหวังว่าทุก cycle เท่ากัน
ความจริง:
- Cycle แรกของวัน (เช้า) มักดีที่สุด
- Cycle บ่าย อาจสั้นกว่า (75 นาที)
- Cycle เย็น อาจต้องพักบ่อยขึ้น
Flexible: ปรับตามสภาพจริงของวัน

Ultradian Rhythms กับสิ่งอื่นๆ
+ Circadian Rhythm
Combined approach:
- Circadian: บอกว่าช่วงไหนของวันทำงานได้ดี (เช้า vs บ่าย)
- Ultradian: บอกว่าในช่วงนั้น ทำงานนานแค่ไหนแต่ละครั้ง
ตัวอย่าง:
- เช้า (peak circadian): ทำ 3 cycles (90 min each) = 270 นาที
- บ่าย (dip circadian): ทำ 2 cycles (75 min each) = 150 นาที
+ Pomodoro Technique
Pomodoro: 25 นาที work + 5 นาที break
Ultradian: 90 นาที work + 20 นาที break
ข้อแตกต่าง:
- Pomodoro: สั้นกว่า เหมาะกับงานที่แบ่งได้ชัดเจน
- Ultradian: ยาวกว่า เหมาะกับงานต้องการ deep focus ต่อเนื่อง
เลือกตามงาน:
- งานต้องการ deep thought (อ่านหนังสือยาก, เขียน essay): Ultradian
- งานเยอะๆ ทำเสร็จทีละอย่าง (flashcards, โจทย์ง่าย): Pomodoro
งานวิจัยเพิ่มเติม
Aserinsky & Kleitman (1953) - ค้นพบ REM sleep cycles (90 นาที)
Kleitman (1963) - ขยายไปสู่ BRAC ขณะตื่น
Rossi (1991) - "The 20-Minute Break" - หนังสือเกี่ยวกับ ultradian rhythms
Ericsson et al. (1993) - "Deliberate Practice" - expert performance และ 90-min sessions
สรุป
Ultradian Rhythms สอนเราว่า:
- ร่างกายมีจังหวะ 90-120 นาที - ทำงานได้ดีแค่นั้น แล้วต้องพัก
- ฝืนทำต่อ = inefficient - ทำได้แต่คุณภาพแย่
- พักจริงๆ = คีย์สำคัญ - ไม่ใช่แค่เปลี่ยนงาน
6 กลยุทธ์หลัก:
- 90-min work blocks - ทำงานเต็มที่ 90 นาที
- 20-min real breaks - พักจริงๆ ไม่ใช้สมอง
- Recognize signals - ฟังร่างกาย
- Schedule wisely - วางแผนให้เหมาะ
- Find your rhythm - หา cycle ของตัวเอง
- Quality breaks - เลือกกิจกรรมพักที่เหมาะสม
จำไว้: Work with your body, not against it! มนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำงานต่อเนื่องนานๆ เราออกแบบมาเพื่อทำงานสั้นๆ แต่เข้มข้น แล้วพัก แล้วทำต่อ
