นายเดชรัต สุขกำเนิด อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้อำนวยการมูลนิธินโยบายสุขภาวะ กล่าวถึงความพึงพอใจในชีวิตและความเชื่อมั่นในอนาคตของเยาวชนเนื่องในในวันเยาวชนแห่งชาติว่า จากการสำรวจความพึงพอใจในชีวิตและความเชื่อมั่นในอนาคตของเยาวชนไทยรุ่นใหม่ โดยมูลนิธินโยบายสุขภาวะและเครือข่ายเสียงประชาชน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ทำการสำรวจทัศนคติของเยาวชนคนรุ่นใหม่ อายุ 15-25 ปี จำนวน 2,750 คน ในพื้นที่ 20 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี อยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ตราด สระแก้ว ระยอง เชียงใหม่ น่าน ตาก เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย อำนาจเจริญ ชุมพร กระบี่ ภูเก็ต และนราธิวาส ระหว่างวันที่ 1-15 ธันวาคม 2558 เพื่อทำความเข้าใจกับความพึงพอใจในชีวิต ความเชื่อมั่นในอนาคตและความคาดหวังต่อการพัฒนาในอนาคตของเยาวชนแต่ละกลุ่ม
นายเดชรัต กล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้ได้เพิ่มตัวแปรใหม่เรียกว่า “กลุ่มฐานันดร” ด้วยการถามว่า เยาวชนคิดว่าตนเองเป็นกลุ่มฐานันดรใดในทัศนะของเพื่อน โดยแบ่งเป็น 6 กลุ่มคือ กลุ่มฐานันดรนักกีฬา/นักดนตรี/นักกิจกรรม กลุ่มฐานันดรเด็กเรียน/เด็กเนิร์ด กลุ่มฐานันดรตัวท็อป/ป็อบปูลาร์ กลุ่มฐานันดรอันธพาล กลุ่มฐานันดรไร้ตัวตน และกลุ่มอื่นๆ เพื่อศึกษาความพึงพอใจในชีวิตและความเชื่อมั่นในอนาคตในแต่ละกลุ่มฐานันดรของเยาวชน โดยตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตขึ้นอยู่กับการประเมินแต่ละคนตามความนึกคิดและเป้าหมายการดำเนินชีวิตของตน ซึ่งมีค่าคะแนนความพึงพอใจตั้งแต่ 1 คือ ไม่พึงพอใจในชีวิตเลย ไปจนถึง 10 หมายถึง มีความพึงพอใจในชีวิตมากที่สุด ซึ่งพบว่า ในภาพรวมแล้วเยาวชนคนรุ่นใหม่ไทยมีความพึงพอใจในชีวิตและความเชื่อมั่นในอนาคตในระดับสูง 8.25 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน และครอบครัวยังเป็นแหล่งพลังใจที่สำคัญที่สุด ในการช่วยให้เยาวชนรุ่นใหม่มีความพึงพอใจในชีวิต และยังเป็นพลังสำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาให้กับเยาวชน
“เยาวชนภาคเหนือจะมีความพึงพอใจในชีวิตสูงที่สุด 8.45 คะแนน ตามด้วยภาคตะวันออก 8.36 คะแนน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8.29 คะแนน ภาคกลาง 88.28 คะแนน กรุงเทพและปริมณฑล 8.04 คะแนน และภาคใต้มีความพึงพอใจในชีวิตน้อยที่สุด 8.01 คะแนน ส่วนความพอใจสภาพแวดล้อมของจังหวัดที่ตนอยู่พบว่า เยาวชนภาคกลางมีระดับความพอใจสูงสุด ส่วนเยาวชนภาคเหนือภูมิใจในบ้านเกิดของตนเองสูงสุด ขณะที่เยาวชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีความพึงพอใจในสภาพแวดล้อมของจังหวัดที่ตนอยู่ต่ำที่สุด รวมถึงความภาคภูมิใจในจังหวัดที่ตนอยู่ในอยู่ต่ำที่สุดเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะสัดส่วนของเยาวชนที่มีภูมิลำเนาหรือบ้านเกิดอยู่ในกทม.และปริมณฑลมีน้อยที่สุดถึง 60% ของเยาวชนในกทม.และปริมณฑลที่ตอบแบบสอบถาม ส่วนปัญหาในเยาวชน อันดับ 1 การเรียน 35% รองลงมาคือ การเงิน 25% ความรัก 12% และปัญหาสุขภาพ 10%” นายเดชรัต กล่าว
นายเดชรัต กล่าวว่า เมื่อจำแนกตามฐานันดรจะพบว่า เยาวชนที่จำแนกตนเองเป็นกลุ่มฐานันดรนักกีฬา/นักดนตรี/นักกิจกรรมมีความพึงพอใจในชีวิตสูงที่สุด 8.40 คะแนน ตามด้วยฐานันดรเด็กเรียน/เด็กเนิร์ด 8.35 คะแนน และฐานันดรตัวท็อป/ป็อบปูลาร์ 8.34 คะแนน ขณะที่ฐานันดรอันธพาล มีระดับความพึงพอใจในชีวิต 7.75 คะแนน และฐานันดรไร้ตัวตน ซึ่งเป็นกลุ่มฐานันดรที่มีความพึงพอใจในชีวิตต่ำสุด 7.69 คะแนน โดยพบว่ากลุ่มเด็กเรียนเป็นกลุ่มที่มีความพึงพอใจสูงสุดทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว ชีวิตการเรียน สถานะทางการเงิน และสภาพสังคมแวดล้อม ส่วนกลุ่มนักกีฬา นักกิจกรรมมีความพึงพอใจสูงสุดด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน ขณะที่กลุ่มฐานันดรอันธพาลและกลุ่มไร้ตัวตน มีระดับความพึงพอใจต่ำสุดในความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน สถานะการเงิน และสิ่งแวดล้อมรอบตัว
นายเดชรัต กล่าวว่า สำหรับความเชื่อมั่นในอนาคตพบว่า เชื่อมั่นว่าตนเองจะมีอนาคตที่สดใสอยู่ที่ 8.16 คะแนน เชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถของตนเองอยู่ในระดับ 7.96 และเชื่อมั่นว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีอนาคตสดใสอยู่ที่ระดับคะแนน 7.86 อย่างไรก็ตามในกลุ่มฐานันดรไร้ตัวตนและกลุ่มฐานันดรอันธพาล มีระดับความเชื่อมั่นในทุกด้านต่ำกว่ากลุ่มฐานันดรอื่นๆ สังคมไทยมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการการทำความเข้าใจในสาเหตุ วิธีคิด และแนวทางแก้ไขปัญหาของกลุ่มฐานันดรไร้ตัวตน และกลุ่มฐานันดรอันธพาล เพราะคนทั้งสองกลุ่มมีประมาณ 15% และยังมีปัญหาในการดำเนินชีวิตมากพอสมควร รวมถึงไม่ได้รับแรงสนับสนุนที่มากพอจากทั้งครอบครัว ครู และเพื่อน
ขอบคุณที่มา : มติชนออนไลน์