ทำไม? นักเรียนไทยมีระบบการศึกษาที่ยังไม่พัฒนา พบคำตอบได้จาก ครูจุ๊ย - กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ

      
        เครียดได้อีก !  กับการเข้าสู่การเรียนของเด็ก มัธยมปลาย ขึ้น ม.4  ไม่เข้าใจการเลือกเรียน สายวิทย์ หรือ สายศิลป์  เพราะยังสับสนอยู่กับการแบ่งสายการเรียนหรือเปล่าน่ะ ?  แล้วทำไมเราถึงถูกตีกรอบแค่ 2 ช่องทางล่ะ ? และเพราะอะไรประเทศฟินแลนด์จึงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านการศึกษามากที่สุด ?
 
       คำถามเหล่านี้ มีคำตอบแล้ว จาก ‘ครูจุ๊ย’ หรือ ‘อ.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ’ นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาในประเทศฟินแลนด์
  
       ประเทศฟินแลนด์นับเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในลำดับต้นของโลก โดย ครูจุ๊ย ได้พูดถึง ระบบ การเรียนการสอนของประเทศฟินแลนด์นั้นไม่ได้เน้นไปที่การเรียนตามตำราอย่างเดียว เน้นการปฏิบัติสอนให้รู้ถึงปัญหาในชีวิตประจำวัน  และ ระบบการศึกษาฟินแลนด์สร้างเพื่อมนุษย์โดยมองที่มนุษย์ก่อนเสมอ   
      
       ขณะเดียวกันนั้นเอง ครูจุ๊ย หันมามองระบบการศึกษาของไทยและเห็นถึงปัญหาที่ชัดเจน โดยรากฐานของเด็กไทยส่วนใหญ่จะสับสนว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หรือ อยากเรียนอะไร แต่ไม่กล้าที่จะถามหรือหาคนมาแนะแนว แต่ก่อนอื่นเราจะต้องคำนึงก่อนว่า เด็กไทยอยู่ในวัฒนธรรมที่ไม่ถูกสอนให้ตั้งคำถาม เมื่อไม่ตั้งคำถามก็จะไม่มีคำตอบ
      
        ระบบการศึกษาของฟินแลนด์ ไม่ได้แยกเด็กเป็นสายวิทย์กับศิลป์  ไม่แบ่งแม้กระทั่งห้องคิง เขาจะแบ่งการเรียนการสอนในช่วงมัธยมปลาย 2 สาย
       สายแรกคือ Core Subjects หรือ วิชาหลัก กับ ส่วนที่เป็น Track Subjects วิชาเลือกรอง เพราะเขาต้องการเปิดโอกาสให้เด็กมีทางเลือกมากขึ้น และจะไม่เน้นการสอบ แต่ระบบการศึกษาไทย จะเน้นการสอบ


    
         ซึ่งระบบการสอนของประเทศฟินแลนด์จะมองว่า การสอบเป็นเหมือนการกดดันเด็ก และการสอบจะต้องมีความสอดคล้องกับความเป็นจริง สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่การท่องจำแล้วสอบ ซึ่งข้อสอบของประเทศฟินแลนด์จะเน้นในเรื่องการสะท้อนถึงสังคม
      
        
       “ ครู “ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา การเรียนการสอนที่เน้นในตำรามากไปเด็กบางกลุ่มก็ไม่สามารถเข้าใจในบทเรียนได้ ไม่มีความรู้อย่างอื่นนอกเหนือจากในตำรา เพราะฉะนั้นครู นับเป็นแกนหลักในการพัฒนาระบบศึกษาของไทยให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น
        

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ครูจุ๊ย - กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ https://www.facebook.com/kunthida.rungruengkiat

ขอขอบคุณภาพจาก http://thematter.co