สอบเข้ามหาวิทยาลัย

เทรนด์ท่องเที่ยวโลกในช่วง 10 ปีข้างหน้า

UploadImage

อีก 10 ปีข้างหน้า "ท่องเที่ยวไทย" จะเป็นอย่างไร?

สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTCC) รายงานถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวโลกในปี 2016-2026 ไว้ว่า จีดีพีภาคการท่องเที่ยวจะเติบโตเฉลี่ย 4% ต่อปี

โดยในปี 2026 การท่องเที่ยวจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นทั้งหมด 370 ล้านตำแหน่งงานทั่วโลก ซึ่งถือเป็น 1 ใน 9 ของตำแหน่งงานทั้งหมดในโลกเลยทีเดียว

"เอเชีย" จีดีพีท่องเที่ยวโตสูงสุด

ทั้งนี้ เอเชียจะมีการเติบโตของจีดีพีภาคการท่องเที่ยวมากที่สุด 7.1% โดยอินเดียเติบโต 7.5% ส่วนจีนเติบโต 7% ส่วนภูมิภาคที่คาดว่าจะเติบโตในอัตรา 4-6% ได้แก่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉลี่ย 5.8% เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ 5.6% แอฟริกา 4.2% ตะวันออกกลาง 4.9% และแอฟริกาเหนือ 4.2%

ด้านภูมิภาคที่คาดว่าจะเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 4% คือ ละตินอเมริกา เติบโต 3.7% อเมริกาเหนือ 3.5% แคริบเบียน 3.4% และยุโรป โตเพียง 2.8%

และประเทศจีนจะมีการลงทุนทางการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ยังมีการคาดการณ์ว่า จีดีพีการท่องเที่ยวของสหรัฐจะยังเติบโตมากกว่า ขณะที่ประเทศอินเดีย ในปี 2026 จะอยู่ใน 10 อันดับประเทศด้านการท่องเที่ยว รวมถึงเมียนมา นามิเบีย แทนซาเนีย ยูกันดา เวียดนาม และแซมเบีย

และเมื่อดูมิติของการใช้จ่าย รายงานระบุว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน สหรัฐฯ เยอรมัน และอังกฤษ ถือเป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสูงสุด 4 อันดับแรกของโลกในปี 2026 ด้วย

"ไทย" No. 2 ของโลก

ส่วนประเทศไทยคาดการณ์ว่าในปี 2026 จะมีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 2 ของโลก สูงกว่าประเทศจีนและสเปน

สอดรับกับ "ยุทธศักดิ์ สุภสร" ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับโอกาสที่จะเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 25 ล้านคนในอนาคต ตามที่ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ คาดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ภายใน 5-10 ปีนี้ จากกระแสความนิยมของตลาดจีนเที่ยวไทยที่ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง

จึงได้มอบหมายให้สำนักงาน ททท. 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เฉิงตู และคุนหมิง ดำเนินกลยุทธ์รักษาระดับการเติบโต และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพให้ได้มากถึง 50% จากเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน 25 ล้านคนในอนาคต


จากปัจจุบันครองสัดส่วนราว 15% ของฐานนักท่องเที่ยวจีนเกือบ 8 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ผ่านการสำรวจดีมานด์สินค้าท่องเที่ยวเชิงลึก เช่น พฤติกรรม ความในใจ และความชื่นชอบของกลุ่มตลาดความสนใจเฉพาะ (นิชมาร์เก็ต) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพด้านการใช้จ่ายสูง

สถิตินักท่องเที่ยวจีนมาไทยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา (ปี 2007 - 2015) พบว่า ยอดนักท่องเที่ยวเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี ขณะที่รายได้เติบโตเฉลี่ย 38% สำหรับตัวเลขช่วง 6 เดือนแรกของปี 2016 มีชาวจีนเดินทางเข้ามาแล้วกว่า 4.8 ล้านคน เติบโต 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทุกประเทศจับตา "จีน"

และจากรายงาน ทรานสปอร์ต โฟกัส รีพอร์ต ของ Rome2rio ของประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า จีนถือเป็นประเทศที่น่าจับตามองอย่างมาก ในตลาดการเดินทางทางอากาศ หลังมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา เช่น ปักกิ่ง มีเส้นทางเพิ่มขึ้น 22 เมือง เซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 17 เมือง และกว่างโจว เพิ่มขึ้น 12 เมือง

ทั้งนี้ ได้จัดลำดับประเทศที่มีเครือข่ายการเชื่อมโยงทางอากาศ 20 ประเทศแรกที่มีเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศมากที่สุด โดย "กรุงลอนดอน" ประเทศอังกฤษ มีเส้นทางเชื่อมโยงมากที่สุดในโลก ซึ่งมีเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศมากถึง 351 เส้นทาง

โดยในภูมิภาคเอเชีย "ฮ่องกง" ถือเป็นเมืองที่มีเส้นทางเชื่อมโยงมากที่สุด สู่ 147 เมือง รองลงมาคือ "กรุงโซล" เกาหลีใต้ 141 เส้นทาง "กรุงเทพฯ" 131 เส้นทาง และ "สิงคโปร์" 129 เส้นทาง

ปิดท้ายกันด้วยแนวโน้มพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในปี 2030 โดยบริษัท อมาเดอุส และฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวน ได้จัดทำรายงานผลการศึกษา "Future Traveller Tribes 2030 : Building a More Rewaring Journey" เพื่อนำเสนอลักษณะของนักท่องเที่ยวในปี 2030 ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ดังนี้

1.Obligation Meters กลุ่มเดินทางเพื่อดำเนินกิจกรรมที่จำเป็น เช่น นักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ
2.Simplicity Searchers กลุ่มที่ต้องการความสะดวกจากแหล่งข้อมูล
3.Ethical Travelers กลุ่มที่นำปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม และจริยธรรมวางแผนในการท่องเที่ยว
4.Reward Hunters กลุ่มที่ให้รางวัลตัวเองจากการทำงาน
5.Cultural Purists กลุ่มที่มุ่งค้นหาวัฒนธรรมใหม่ๆ อันแตกต่างจากสิ่งที่คุ้นเคยและ
6.Social Capital Seekers เป็นกลุ่มที่นิยมแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อต้องการเป็นที่ยอมรับ

โดยทั้ง 6 กลุ่มนี้ จะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางจิตวิทยา และเทคโนโลยีเป็นสำคัญ

บริษัทนำเที่ยวปรับตัว

และในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวยังคาดหวังการได้รับข้อมูลจาก "บริษัทนำเที่ยว" รวมทั้งการนำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เป็นที่ปรึกษาที่ดีแก่นักท่องเที่ยวทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์

สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการบริษัทนำเที่ยวสืบเนื่องจากราคาเทคโนโลยี และความสามารถในการเข้าใจลูกค้า โดย 42% ของผู้ใช้บริการบริษัทนำเที่ยว ชื่นชอบบริษัทที่พวกเขารู้สึกว่าได้มีส่วนร่วม และรับฟังความต้องการของลูกค้า

"Simon Er" ผู้จัดการทั่วไป โกลบอล แทรเวล แอนด์ เซนิก แทรเวล บริษัทนำเที่ยวยักษ์ใหญ่ในสิงคโปร์ กล่าวว่า บริษัทนำเที่ยวต้องนำเสนอบริการที่ออกแบบ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ลูกค้า พร้อมสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ เนื่องจากลูกค้าต่างคาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีที่สุด

ทั้งหมดนี้ คือเทรนด์ท่องเที่ยวโลกในช่วง 10 ปีข้างหน้า ที่ภาคท่องเที่ยวไทยต้องติดตามสถานการณ์ตลาด แนวโน้ม และเกาะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปไว้ให้มั่น


เป็นไงกันบ้างค่ะ บทความข้างต้นที่พี่หยิบยกมา  ทำให้เราได้มองเห็นโอกาสงานในอนาคตด้านการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีเลยใช่ไหมคะ  มาตามต่อกันค่ะ แล้วคณะ/สาขาการท่องเที่ยวมีมหาวิทยาลัยไหนบ้างที่เปิดสอน

คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยว
คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว สาขาวิชาการจัดการการโรงแรม

ด้วยเหตุและผลจากบทความข้างต้น พี่มองเห็นถึงความเป็นไปได้   น้องที่สนใจงานด้านการท่องเที่ยว  พี่มั่นใจได้เลยว่าน้องไม่ตกงานและแถมจะมีรายได้ที่ดีตามมาอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาชาติธุรกิจ