สอบเข้ามหาวิทยาลัย

ปลุก Passion! สุมไฟความขยันให้ลุกโชน!

น้องๆ เคยเป็นกันไหม? อ่านหนังสือได้แปปเดียวก็เบื่อ ความขี้เกียจเริ่มคืบคลานเข้ามาเหมือนหนังสือเรียนทุกเล่มจะเคลือบยานอนหลับ ต่อให้ข่มตาฝืนอ่านแค่ไหน สุดท้ายก็จบที่หลับคาหนังสือไปโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเราต้องอ่านเพื่อจะสอบให้ได้คะแนนดีๆ เอาคะแนนไปเป็นใบเบิกทางให้สอบติดคณะที่ฝันไว้ แต่ยังไงมันก็ยังหน่วงๆ เนือยๆ และรู้สึกเหมือนไม่มี Passion ไร้ไฟในการอ่านหนังสืออยู่ดี (เห้ออ ว่าแล้วก็ท้อแท้จัง T-T)

เห้ย! ไม่ได้สิ อย่าเพิ่งท้อแท้ อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ คะแนนสอบ อนาคต คณะที่ฝันไว้ ต้องเลือนรางและริบหรี่ไปกับเปลือกตาง่วงๆ ของเราแน่นอน บทความนี้เรามีทางออกเจ๋งๆ และเชื้อไฟแรงๆ มาแนะนำให้ทุกคนมีไฟในการอ่านหนังสือ เอาล่ะ มาเก็บเคล็ดไม่ลับเหล่านี้เอาไว้ไปใช้เติมพลังให้การอ่านหนังสือของเรากันเถอะ 







1. มองเป้าหมายไว้ให้ชัดเจน
สิ่งแรกที่น้องๆ ต้องคิดก็คือ เป้าหมายในการขยันอ่าน ต้องไม่ลืมว่าเราทำไปเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร เพราะอนาคตของเราขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบันของเราเอง น้องๆ ต้องค้นหาและตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้ให้ชัดเจน เป้าหมายก็เป็นเหมือนแสงไฟที่ส่องสว่างในอุโมงค์ที่จะช่วยให้เราเดินไปได้ถูกทาง

ตัวอย่างเช่น น้องอยากเป็นหมอ เพราะอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ก็นึกภาพตัวเองที่เป็นหมอกำลังรักษาคนไข้ที่กำลังเจ็บปวดอยู่ ซึ่งภาพนี้แหละจะเป็นตัวนำทางและเป็นแรงผลักดันให้น้องๆ ว่าถ้าอยากเป็นหมอ ก็ต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสือตั้งแต่วันนี้ ถ้าไม่อ่านหนังสือแล้วเป้าหมายหรือฝันที่ตั้งใจไว้มันจะเป็นจริงได้นั่นเอง







2. มองคนรอบตัว ลบคำสบประมาท
ความฝันของน้องๆ ที่อยากเป็นหมอ วิศวกร สถาปนิก นักธุรกิจ รับราชการ หรืออื่นๆ หลายครั้งก็มีคนที่ร่วมแชร์ความฝันนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน หรือคนรัก ลองคิดดูสิว่าพวกเขาเหล่านั้นคงจะดีใจไม่น้อยไปกว่าเราแน่นอน ถ้าหากว่าเราทำความฝันนั้นสำเร็จ

แต่ถ้าวันนี้ยังนอนเฉยๆ ยังเล่นเกม ยังออกไปเที่ยวเล่น ความฝันก็คงไม่มีทางสำเร็จได้ หรือแม้แต่คนรอบข้างที่เราเกลียดหรือดูถูกเราว่า ทำไม่ได้หรอก สอบเข้าที่นี่ไม่ติดหรอก ไม่มีทางได้คะแนนดีกว่านี้แน่ เก็บคำสบประมาทเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นแรงฮึดให้เราต่อสู้ เริ่มหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเพื่อทำความฝันของตัวเองและคนรอบข้างที่คอยให้กำลังใจให้เป็นจริงเพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่เราตั้งใจให้ได้กันเถอะ







3 จัดตางราง วางแผน กำจัดสิ่งรบกวนสมาธิ 
หลายๆ คนคงเคยสอบได้คะแนนไม่ดี เช่น คะแนนสอบกลางภาค GAT/PAT รอบที่ผ่านมา หรืออื่นๆ ที่ขาดไปแค่นิดเดียว หรือหายไปเยอะแทบไม่เหลือ ไม่ว่าผิดหวังด้วยอะไรก็แล้วแต่ ในเมื่อเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ และเราก็คงไม่อยากจะรู้สึกเสียใจอย่างนั้นอีก

แล้วทำไมไม่วางแผนกำจัดสิ่งรบกวนหรือจัดการวางแผนชีวิตเราให้ดีกว่าเดิมล่ะ มาเริ่มจัดตารางอ่านหนังสืออย่างจริงจัง ตั้งใจอ่านหนังสือให้ดีและเป็นระบบมากขึ้น พยายามเล่นสื่อโวเชี่ยลหรือตัดสิ่งรบกวนสมาธิเราออกไปก่อน และบอกกับตัวเองเสมอว่า “เราจะต้องไม่พลาดอย่างนั้นอีก คราวนี้ต้องดีกว่าเดิม” 







4 ไปอ่านหนังสือกับเพื่อนที่ขยัน
เคยได้ยินไหมว่า การคบหรืออยู่กับคนแบบไหน จะมีส่วนพาให้เราเป็นไปในทางนั้นด้วย อยากเป็นคนแบบไหน ให้เอาตัวเองไปอยู่ใกล้กับคนนั้นๆ และวิธีนี้ก็ใช้ได้ผลค่อนข้างดีกับน้องๆ หลายคนที่ไม่ค่อยมีสมาธิและหันเหความตั้งใจไปกับสิ่งยั่วยุได้ง่าย

ถ้าน้องๆ ได้ไปนั่งอ่านหนังสือกับเพื่อนที่ขยันอ่าน ก็เหมือนการบังคับให้เราต้องอ่านหนังสือไปด้วย เพราะกดดันที่เห็นเพื่อนอ่านหรือจะเพราะไม่มีใครรบกวนสมาธิทำให้อ่านได้นานก็ตาม ซึ่งข้อดีของการมีเพื่อนที่ขยันไปอ่านหนังสือด้วยคือ เราสามารถ
แลกเปลี่ยนความคิดในเนื้อหาที่ไม่เข้าใจ สามารถถามหรือปรึกษากับเพื่อนเพื่อได้มุมมองหรือเทคนิคใหม่ๆ ได้ด้วย 






5 ไม่ไหวอย่าฝืน พักสายตา แล้วกลับมาลุยต่อ
ในกรณีที่น้องหมดไฟจริงๆ ทำยังไงก็อ่านหนังสือต่อไม่ไหว ไม่มีสมาธิในการอ่านเลย สิ่งที่น้องต้องทำคือ อย่าฝืน ให้ลุกออกจากโต๊ะ พักสายตา เดินไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ผ่อนคลายหรือสร้างแรงจูงใจเล็กๆ ให้เราสักพัก เช่น ดูรายการที่ชอบ ฟังเพลงที่ชอบ เดินเล่นนอกบ้าน กินขนมหรืออะไรที่ทำให้สดชื่น

หลังจากสายตาและร่างกายได้ผ่อนคลายจากความตึงเครียด ก็ค่อยกลับมาตั้งใจอ่านอย่างจริงจังอีกครั้ง แต่ก็มีข้อแม้ว่าอย่าไปพักผ่อนเพลินจนหาทางกลับมาอ่านหนังสือไม่ได้ล่ะ อย่าลืมว่าเราพยายามไปเพื่ออะไร นึกถึงเป้าหมายไว้ ไปพักแล้วต้องกลับมาให้สดใสมีพลังใจมากกว่าเดิมนะ