สอบเข้ามหาวิทยาลัย

เส้นทางกว่าจะเป็นครู


ครู อาชีพในฝันของเด็กไทย แต่เส้นทางของคนคนหนึ่งกว่าจะเติบโตและเดินทางไปสู่อาชีพครูนั้นไม่ใช้เรื่องง่าย สำหรับน้องๆ ที่กำลังสนใจอยากศึกษาในสาขา “ครุศาสตร์” หรือ “ศึกษาศาสตร์” และกำลังตัดสินใจว่าสาขานี้จะเหมาะกับเราไหม ลองอ่านบทความนี้แล้วค่อยๆ คิด พร้อมกับตอบคำถามในใจของตัวเองดู
 
ทำไมถึงอยากเป็นครู
ทุกอาชีพล้วนมีข้อดี ข้อเสียอยู่ในตัว ขอให้น้องๆ ศึกษาส่วนนี้ให้ดีว่าสามารถมีความสุขไปกับข้อดีของอาชีพครู พร้อมกันนั้นก็ใช้ชีวิตและทำงานอยู่กับอาชีพครูได้หรือไม่ หากน้องๆ อยากเป็นครู เพราะชอบทำงานกับเด็กๆ หรืออยากเป็นครู เพราะต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง ก็ขอสนับสนุน และเอาใจช่วยให้น้องๆ ทำตามความฝันได้สำเร็จ แต่หากใครอยากเป็นครู เพราะคิดว่ามีวันหยุดเยอะ หรือคิดว่างานสบาย ขอให้คิดใหม่ เพราะการเป็นครูที่ดีนั้นใช้ทั้งพลังกาย พลังใจ และพลังสมอง ยิ่งกว่างานไหนๆ น้องๆ จะต้องมีการวางแผนการสอนเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจเด็กนักเรียนในความดูแลของตัวเอง และพร้อมแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นในทุกๆ วัน
 
PAT 5 บททดสอบสำคัญสำหรับคนอยากเป็นครู
PAT 5 คือวิชาวัดความถนัดทางอาชีพครู ที่น้องๆ จะใช้ยื่นคะแนนที่คณะครุศาสตร์ หรือคณะศึกษาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่เปิดรับ ข้อสอบ PAT 5 เป็นข้อสอบเฉพาะกลุ่มมากๆ ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ความรู้พื้นฐานที่จะเรียนต่อในคณะครุศาสตร์หรือคณะศึกษาศาสตร์ได้สำเร็จ เช่น ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เป็นต้น และส่วนที่สองคือ ความถนัดในการเรียนในคณะดังกล่าวให้สำเร็จ หรือการวัดแววความเป็นครูแบบที่สมัยก่อนเรียกกันนั่นเอง




องค์ประกอบและค่าร้อยละที่ใช้ในรอบแอดมิชชัน
 
ถ้าไม่ได้เรียนคณะที่เกี่ยวกับ “ครู” มาแต่อยากเป็น “ครู” มากๆๆ ต้องทำอย่างไร?
ถ้าหากเราไม่ได้จบครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ มาแต่อยากเป็นครู อาจจะต้อง
  • สมัครทดสอบความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา
  • หลังจากที่ได้ใบอนุญาตสอน ก็สมัครเป็นครูตามโรงเรียนต่างๆ เช่น โรงเรียนเอกชนที่ไม่ขอใบประกอบวิชาชีพ
  • เมื่อสอนครบ 1 ปี และผ่านการประเมินการสอนแล้วก็จะสามารถขึ้นทะเบียนขอใบประกอบวิชาชีพครูได้ ซึ่งใบประกอบวิชาชีพนี้ต้องต่ออายุทุก 5 ปี