สอบเข้ามหาวิทยาลัย

จาก Net idol สู่การเป็นเจ้าของกิจการ“MadamSnack” ขนมอารมณ์ดี

UploadImage

    ย้อนกลับไปเมื่อปี พศ. 2557 ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้จัดโครงการ “เถ้าแก่น้อย” โครงการนี้มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้ทดลองทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง โดยการนำสินค้าที่ตัวเองสนใจมาวางขายในมหาวิทยาลัย “ขวัญ” นางสาวยอดขวัญ สิงห์สวัสดิ์ และ “มุ่ย” นางสาววิภาพร ระงับจิตต์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาสื่อสารการตลาด คณะนิเทศศาสตร์ ได้มีโอกาสทำงานอยู่กลุ่มเดียวกัน และเราสองคนก็คือว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 ทั้งคู่ ในความคิดตอนนั้น เราขอแค่เกรด A ก็พอ จะได้กำไรหรือไม่เราไม่หวัง แต่เราจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด

UploadImage

    “ขวัญ” นางสาวยอดขวัญ สิงห์สวัสดิ์ เล่าให้ฟังว่า “หลังจากได้คุยกับทุกๆ คนในกลุ่มงานเรียบร้อย พวกเราจึงตกลงกันว่าจะนำกล้วยฉาบมาขาย แต่ด้วยความที่เป็นนักการตลาดเต็มตัว กล้วยของเราจึงแตกต่างจากกล้วยฉาบทั่วๆ ไป ซึ่งได้นำกล้วยฉาบมาลองคลุกกับผงปรุงรสหลายรสชาติ จนออกมาเป็น กล้วยฉาบรสชีส รสบาร์บีคิว และรสสาหร่าย นี่แหละ สินค้าของกลุ่มเรา เราเรียกมันว่า “กล้วยจ๊าบ”

    กล้วยจ๊าบได้วางขายครั้งแรกในงาน “เถ้าแก่น้อย” ในมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยวางขายกล้วยจ๊าบถุงละ 20 บาท เหมาะกับราคานักศึกษา เราเริ่มขายกันตั้งแต่ 10 โมงเช้าหวังเพียงว่ากล้วย 50 ถุงของเราจะหมดภายใน 4 โมงเย็น แต่กล้วยจ๊าบของเราขายหมดเพียงในเวลา 2 ชั่วโมง นอกจากเราจะได้เกรด A ในวิชานี้ เรายังคว้ารางวัลชนะเลิศการแสดงผลงานแผนธุรกิจมาอีกด้วย และนี่คือก้าวแรกของพวกเรา” น้องขวัญ กล่าว

    “หลังจากนั้นอีกไม่นานเราสองคนก็ได้แสดงฝีมือในการทำธุรกิจกันอีกรอบ ภายใต้งานโปรเจคใหญ่ “DPU Healthy Food Fair 2014” งานนี้เราก็ไม่พลาดที่จะนำกล้วยของเราวางขาย ซึ่งมันเข้ากับชื่องานนี้พอดี และเราก็เปลี่ยนชื่อมันใหม่อีกครั้งว่า “กล้วยฟิน” กล้วยฟินนี่แหละคือใบเบิกทางของเรา และเป็นไปตามคาด กล้วยฟินขายหมดในเวลา 2 ชม. เหมือนเดิม 

     แต่คราวนี้ขวัญได้นั่งสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าอยู่เกือบครึ่งวัน ขวัญมองเห็นว่า รสชาติชีสเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ส่วนรสสาหร่ายขายออกยาก และลูกค้าของเรากินกล้วยฟินด้วยความเอร็ดอร่อย พอหมดก็มาถามซื้อต่อ อารมณ์เหมือนนั่งกินป๊อปคอร์นในโรงหนัง หยิบแล้วหยิบอีกขาดมือไม่ได้ พอกินจนหมดก็ดูดนิ้วแสดงถึงความอร่อยเต็มที่ จบงานโปรเจคผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมกับการที่มหาวิทยาลัยช่วยผลักดันและประชาสัมพันธ์ “กล้วยฟิน” ของเราได้ลงข่าวประชาสัมพันธ์ถึงผลงานของเราในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ด้วย และนี่คือก้าวที่สองของพวกเรา” น้องขวัญเล่าแบบอมยิ้ม 

UploadImage

     “มุ่ย” นางสาววิภาพร ระงับจิตต์ เล่าต่อว่า “โอกาสมารออยู่ตรงหน้าหากไม่คว้าไว้ก็เสียดาย เราจึงมาปรึกษากันว่าเราจะทำกล้วยฟินขายอย่างจริงจัง เราจะเปิดบริษัทเป็นของเราเอง เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตจะได้สบาย จบแล้วมีงานทำเลย เราทำงานของเราเอง ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างใคร แต่ความเป็นจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นสำหรับนักศึกษา 2 คนที่ไม่เคยมีประสบการ์ณทางธุรกิจเลย เราจึงต้องการหาผู้ร่วมทุนอีกสักคน และเราก็ได้เพื่อนใหม่ในการทำธุรกิจของเรา 

     UploadImage“น้ำตาล” นางสาววงศ์ษา บุตรดี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาการประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะผู้ร่วมทุนเล่าว่า “ได้ตั้งชื่อให้บริษัทว่า “มาดามสแนค Madam snack”  และนี่คือจุดเริ่มต้นของพวกเรา ขึ้นชื่อว่าธุรกิจมันไม่ง่ายเลยสำหรับนักศึกษาที่จะต้องเรียนไปด้วย และทำธุรกิจไปด้วย ในช่วงที่เราก่อตั้งธุรกิจเป็นช่วงที่ขวัญ กับ มุ่ย ฝึกงานในเทอมสุดท้ายของชั้นปีที่ 4 พอดี ความยากทวีคูณขึ้น 2 เท่า เพราะการฝึกงานเราจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าการเรียนธรรมดาๆ ในห้องเรียนเสียอีก แล้วเราจะทำธุรกิจของเราได้อย่างไร ลองมาดูกัน

    ขั้นตอนแรกเราต้องจัดตั้งบริษัทของเราเสียก่อน เพราะมิฉะนั้นอาจมีคนนำชื่อที่เราคิดไปใช้ก่อน เราเข้าไปจองชื่อบริษัทที่เวปไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  http://www.dbd.go.th เมื่อมั่นในว่าชื่อ มาดามสแนคของเราไม่ไปซ้ำกับใครแล้ว เราจึงจ้างบริษัทบัญชีที่สามารถดำเนินเรื่องแทนเราได้ไปจดทะเบียนให้ โดยมีค่าบริการ 6999 บาท เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและเราไม่ต้องลาสถานที่ฝึกงานให้เสียคะแนน บริษัทมาดามสแนคได้เริ่มต้นแล้ว” 

     หลังจากนั้นเราจึงต้องมีออฟฟิศของบริษัท สำหรับทำเป็นสำนักงานขายของเรา แน่นอนเราต้องใช้สถานที่ที่เราสามารถเดินทางได้สะดวกและราคาไม่แพง นั่นคือบ้านเช่าของขวัญกับน้ำตาลนั่นเอง เราไม่รอช้าเราสั่งทำป้ายบริษัททันที และติดป้ายบริษัทบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตรงนี้ก็นำเราไปสู่ขั้นตอนการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม นั่นคือเราเป็นบริษัทที่ทำการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    เมื่อมีบริษัทในการจัดจำหน่ายแล้ว ต่อมาเราต้องมีโรงงานในการผลิตของเรา เราศึกษาเรื่องเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วยตัวของเราเองทั้งวิธีการทำวัตถุดิบที่ต้องใช้ เคล็ดลับในการทอดกล้วย และราคาเครื่องจักรที่เราต้องซื้อ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ทุกๆ วันหยุดเราจะรวมตัวกันในการหาข้อมูลเหล่านี้ และงาน Thailand Industrial fair 2015 เป็นงานหนึ่งที่เราได้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรอย่างมากมาย เราเข้าไปในงานในฐานะ กรรมการผู้จัดการของบริษัท มันดูดีมาก เราตื่นเต้นกันมาก และมันทำให้เราเปลี่ยนสภาพนักศึกษากลายมาเป็นเจ้าของบริษัทอย่างเต็มตัว 

     น้ำตาล เล่าต่อว่า “กว่าจะได้เครื่องจักรมา 1 เครื่องนั้น เราต้องทำการทดลองใช้เอง เราถึงจะรู้วิธีการทำงานของเครื่อง รวมถึงประสิทธิภาพ ข้อดี และ ข้อเสียของมัน ขั้นตอนนี้มันทำให้วันหยุดของนักศึกษาอย่างเราหายไปในพริบตา เราต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อที่จะตระเวณหาตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องจักรที่ราคาไม่สูงมากนักและมีประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน เพราะงบการเงินของเรามีจำกัด เราใช้เงินเก็บของเราในการลงทุน ไม่ได้กู้ยืมจากสถาบันการเงินใด ดังนั้นสิ่งไหนที่เราจะประหยัดได้เราทำหมด จากนักศึกษาก็กลายมาเป็นสาวโรงงานในทันที 

UploadImage

    สิ่งที่ขาดไม่ได้ในโรงงานก็คือกำลังการผลิตของเรานั่นเอง เราโชคดีที่มีกำลังผลิตสำคัญคือคุณป้าของเราเอง คุณป้ามีบริษัทของท่านเองอยู่แล้ว และท่านยินดีที่จะผลิตสินค้าให้กับเรา โดยใช้เครื่องจักรของเราในการผลิต ในอดีตคุณป้าเองก็เคยทำขนมส่งขายใน Tops Supermarket ดังนั้น วิธีการผลิตของคุณป้า และโรงงานคุณป้าจึงมั่นใจได้ว่าสะอาดและเป็นมืออาชีพแน่นอน เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างและรสชาติกับคุณป้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเราจึงเริ่มทดลองสินค้าของเรา เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยเหมือนกันทุกถุง และต้องสะอาดถูกหลักอนามัยด้วย เราจึงส่งกล้วยไปตรวจในห้องปฎิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อจัดทำข้อมูลโภชนาการที่จะนำไปใส่ในแพกเกจของเรา และดำเนินการขอเลข อย. ที่องค์การอาหารและยากระทรวงสาธารณะสุข เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการจัดจำหน่ายแต่ในอนาคตเรามั่นใจว่าเราจะมีตราประทับสำหรับการส่งออกไปต่างประเทศแน่นอน” น้ำตาล เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ 


     ทุกขั้นตอนเราจัดการทำด้วยตัวเองหมดทั้งสิ้น รวมไปถึงการออกแบบแพคเกจด้วยตัวเอง แต่เราก็อาศัยเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันช่วยทำ Photoshop ให้เพื่อความสวยงามยิ่งขึ้น และเป็นแบบอย่างในการผลิตแพกเกจ แพกเกจของเรามีทั้งหมด 4 รสชาติ  ได้แก่ รสดั้งเดิม รสหวาน รสชีส และรสบาร์บีคิว ซึ่งรสชาติเหล่านี้ก่อนหน้านั้นเราได้ทำการสำรวจกลุ่มลูกค้าและตลาดโดยรวมแล้วว่าเป็นรสชาติที่นิยมมากที่สุด ราคาจำหน่ายแบบปลีกของเรา ถุงละ 35 บาท ส่วนราคาส่งแล้วแต่จำนวนที่สั่งซื้อ จากนักศึกษาต้องก้าวมาสู่ขั้นตอนการทำงานที่แสนเหน็ดเหนื่อยและยุ่งยาก สิ่งหนึ่งที่เรายึดถือมาตลอดนั่นคือความซื่อสัตย์ที่เราจะมีให้ผู้บริโภค เราจะผลิตสินค้าที่สะอาด ปลอดภัย และรสชาติอร่อย คุณภาพดีเหมือนกันทุกถุง ส่งตรงถึงมือผู้บริโภคด้วยรอยยิ้ม และความตั้งใจ ให้สมกับสโลแกนของเรา  “มาดามสแนคขนมอารมณ์ดี”

UploadImage

เสียงตอบรับจากลูกค้า

UploadImage
UploadImage