สอบเข้ามหาวิทยาลัย

รัฐบาลฝรั่งเศสตั้งกองทุนช่วยนศ.จบใหม่หางาน

UploadImage
 
              รัฐบาลฝรั่งเศสตั้งกองทุนช่วยนศ.จบใหม่หางาน ทางการฝรั่งเศสเสนอตั้งกองทุน 500 ล้านยูโร สำหรับช่วยเหลือนักศึกษาจบใหม่ในการหางาน เพื่อหวังบรรเทาสถานการณ์ตึงเครียดของการประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายแรงงานฉบับใหม่

             สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ว่านายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ กล่าวระหว่างการเจรจากับตัวแทนของสหภาพนักศึกษาฝรั่งเศส ( ยูเนฟ ) ที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงปารีส เมื่อวันจันทร์ เสนอตั้งกองทุนมูลค่า 500 ล้านยูโร ( ราว 20,150 ล้านบาท ) เพื่อให้ความช่วยเหลือนักศึกษาจบใหม่และกลุ่มคนหนุ่มสาวให้ได้รับโอกาสจ้างงานมากขึ้น ซึ่งมาตรการรวมถึงการหาทางกระตุ้นให้นายจ้างเซ็นสัญญาจ้างแรงงานอายุน้อยแบบเต็มเวลา และการขยายเวลาให้นักศึกษาจบใหม่ที่อยู่ในโครงการกองทุนกู้ยืมของรัฐ ได้รับเงินช่วยเหลือต่ออีก 4 เดือน แต่นักศึกษาควรหางานให้ได้ภายในระยะเวลาดังกล่าวเช่นกัน

             ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสเชื่อว่านักศึกษาจบใหม่และแรงงานวัยหนุ่มสาวมากกว่า 126,000 คน จะได้รับผลประโยชน์จากโครงการช่วยเหลือครั้งล่าสุด พร้อมทั้งยืนยันว่ายินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปแรงงาน อย่างไรก็ตาม นายวิลเลียม มาร์ติเนต์ ประธานของยูเนฟ แสดงความยินดีต่อข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี แต่วิจารณ์ว่ายังไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ในทุกประเด็น
 
            สหภาพแรงงานและองค์กรนักศึกษาของฝรั่งเศสร่วมกันจัดการชุมนุมคัดค้านการแก้ไขกฎหมายแรงงานของรัฐบาลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเชื่อว่าการเปิดโอกาสให้นายจ้างสามารถเพิ่มหรือลดเวลาทำงานและค่าตอบแทนของลูกจ้างได้ คือการลิดรอนสิทธิพื้นฐานของแรงงานที่ต้องได้รับการคุ้มครอง  และกลุ่มนายทุนต้องหาช่องทางเพิ่มเวลาทำงานของลูกจ้าง แต่จ่ายค่าแรงเท่าเดิมหรือน้อยลงอยู่แล้ว โดยสถานการณ์บานปลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุมหลายสิบคน

            ขณะที่เจ้าหน้าที่รื้อถอนแบร์ริเออร์และค่ายพักแรมของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่จัตุรัสปลาซ เดอ ลา รีพุบลิค ในกรุงปารีส เมื่อวันจันทร์ แต่ยูเนฟจะร่วมจัดการชุมนุมครั้งใหญ่กับสหภาพแรงงานในวันที่ 28 เม.ย. นี้  ก่อนที่ญัตติจะเข้าสู่การอภิปรายของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 พ.ค.

คลิปประกอบ : ยูโรนิวส์“
ที่มา : เดลินิวส์