หน้าแรก คลังความรู้ การพัฒนาตนเอง

5 ทักษะที่เด็กสถาปัตย์ต้องมี ถ้าอยากเรียนรอดและรุ่ง!

วันที่เวลาโพส 27 กุมภาพันธ์ 68 09:21 น.
อ่านแล้ว 0
ทีมงาน AdmissionPremium
 5 ทักษะที่เด็กสถาปัตย์ต้องมี ถ้าอยากเรียนรอดและรุ่ง!

"เรียนสถาปัตย์ต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง?"
สถาปัตยกรรมศาสตร์ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการออกแบบ แต่เป็นการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ถ้าคุณอยากเรียนสถาปัตย์ให้ "รอดและรุ่ง" ลองดู 5 ทักษะที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาสถาปัตย์กัน!

1️ ทักษะการวาดและการออกแบบ (Sketching & Designing) 

 "วาดรูปไม่เก่ง เรียนสถาปัตย์ได้ไหม?" คำตอบคือ ได้! แต่ต้องมีทักษะการ "สเก็ตช์ไอเดีย" เพราะการออกแบบต้องเริ่มจากการวาดแนวคิดคร่าวๆ ก่อนนำไปพัฒนาในโปรแกรมคอมพิวเตอร์

ทำไมต้องมีทักษะนี้?

ใช้สเก็ตช์ไอเดียในการพรีเซนต์งาน

ช่วยสื่อสารความคิดออกมาให้คนอื่นเข้าใจ

เป็นพื้นฐานของงานออกแบบ

ฝึกยังไง?

-ฝึกสเก็ตช์สิ่งของรอบตัวทุกวัน

-ศึกษาเทคนิค Perspective Drawing (การวาดมุมมอง)

-ใช้แอปพลิเคชันช่วยฝึก เช่น Procreate หรือ Adobe Fresco

 

Tip: ไม่ต้องวาดให้สวย แต่ต้องสื่อสารให้เข้าใจ!

 

2️ ทักษะการใช้โปรแกรมออกแบบ (Digital Design Skills) 

ทุกวันนี้สถาปัตย์ไม่ได้ใช้แค่มือวาด! ต้องใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบเพื่อสร้างแบบจำลอง 3D และเรนเดอร์ภาพให้ออกมาสมจริง

โปรแกรมที่เด็กสถาปัตย์ต้องใช้

AutoCAD – ใช้เขียนแบบทางสถาปัตย์

SketchUp – ใช้ออกแบบโมเดล 3D

Rhino / Revit – ใช้สำหรับงานออกแบบเชิงโครงสร้าง

Photoshop / Illustrator – ใช้ตกแต่งและพรีเซนต์งาน

ฝึกยังไง?

- ลองใช้ YouTube หรือคอร์สออนไลน์ เช่น Udemy, Skillshare, Coursera

- ฝึกสร้างโมเดลบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์ง่ายๆ ใน SketchUp

- เริ่มจากโปรเจกต์เล็กๆ เช่น ทำแบบบ้านของตัวเอง

 Tip: ยิ่งใช้โปรแกรมเป็นเร็วเท่าไหร่ การทำงานก็ง่ายขึ้นเท่านั้น!

 

3️ ทักษะการบริหารเวลา (Time Management) 

"เรียนสถาปัตย์มีงานเยอะจริงไหม?" คำตอบคือ จริงมาก! ถ้าคุณไม่สามารถจัดการเวลาได้ดี จะเจอปัญหาทำงานไม่ทัน และอาจต้องอดหลับอดนอนส่งงาน
ทำไมต้องมีทักษะนี้?
งานออกแบบต้องผ่านหลายขั้นตอน (สเก็ตช์ → ทำแบบ CAD → เรนเดอร์ภาพ → ทำโมเดลจริง)
ทุกงานต้องผ่านการ รีวิว (Crit) กับอาจารย์และเพื่อนร่วมงาน
ต้องส่งงานตรงเวลา ไม่งั้นอาจโดนตัดคะแนน
ฝึกยังไง?
-ใช้แอป Notion, Trello หรือ Google Calendar วางแผนโปรเจกต์
-แบ่งงานออกเป็นส่วนเล็กๆ แล้วทำทีละขั้น
-ใช้เทคนิค Pomodoro (ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที) เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไป
Tip: การส่งงานตรงเวลา สำคัญพอๆ กับคุณภาพงาน เพราะสถาปัตย์ให้ความสำคัญกับ Deadline!

 

4️ ทักษะการสื่อสารและการพรีเซนต์งาน (Presentation & Communication Skills) ????

ออกแบบเก่งแค่ไหน ถ้าอธิบายไม่ได้ คนอื่นก็ไม่เข้าใจ! นักศึกษาสถาปัตย์ต้องสามารถ พรีเซนต์งานของตัวเอง ให้เข้าใจง่าย และโน้มน้าวให้คนอื่นเห็นคุณค่าของการออกแบบ

ทำไมต้องมีทักษะนี้?

ต้องพรีเซนต์งานต่ออาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นทุกโปรเจกต์

ต้องอธิบายไอเดียการออกแบบให้ลูกค้าหรือทีมงานฟัง

ต้องเขียนบรรยายแนวคิดของงานออกแบบให้เข้าใจง่าย

ฝึกยังไง?

- ลองอธิบายงานของตัวเองให้เพื่อนฟัง โดยไม่ใช้ศัพท์เทคนิคเยอะเกินไป

- ดูวิดีโอการพรีเซนต์งานของสถาปนิกมืออาชีพ (เช่น TED Talks ด้านสถาปัตย์)

- ฝึกเขียนสรุปแนวคิดการออกแบบให้กระชับและเข้าใจง่าย

 

 Tip: เวลาพรีเซนต์ ให้เล่า "เหตุผลที่ออกแบบแบบนี้" ไม่ใช่แค่ "เราออกแบบอะไร"

 

5️ ทักษะการคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา (Creativity & Problem Solving) ????️

"ไอเดียสำคัญกว่าสไตล์!" สถาปนิกไม่ได้แค่ทำให้อาคารดูดี แต่ต้อง แก้ปัญหาพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งาน ให้ดีที่สุด

ทำไมต้องมีทักษะนี้?

งานออกแบบต้องตอบโจทย์ ทั้งด้านความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน

ต้องคิดนอกกรอบ และสามารถออกแบบได้หลากหลายสไตล์

ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน

ฝึกยังไง?

- ศึกษางานออกแบบจากสถาปนิกระดับโลก เช่น Zaha Hadid, Le Corbusier, Tadao Ando

- ฝึกออกแบบพื้นที่จากโจทย์สมมติ เช่น "ออกแบบคาเฟ่ขนาดเล็กในพื้นที่จำกัด"

- ลองใช้วิธี Design Thinking เพื่อแก้ปัญหาในการออกแบบ

 

 Tip: อย่ากลัวความแปลกใหม่! งานสถาปัตย์ที่ดีต้อง "แตกต่าง" และมีเอกลักษณ์

 

สรุป: 5 ทักษะที่เด็กสถาปัตย์ต้องมี!

-การวาดและออกแบบ (Sketching & Designing) – ต้องฝึกสเก็ตช์ไอเดียให้เข้าใจง่าย

-การใช้โปรแกรมออกแบบ (Digital Skills) – ต้องใช้ AutoCAD, SketchUp, Revit

-การบริหารเวลา (Time Management) – ต้องแบ่งเวลาทำโปรเจกต์และอ่านแบบ

 -การสื่อสารและพรีเซนต์งาน (Presentation Skills) – ต้องอธิบายแนวคิดให้น่าสนใจ

-ความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา (Creativity & Problem Solving) – ต้องคิดนอกกรอบและปรับเปลี่ยนงานตามโจทย์ได้

 

คนอื่นๆอ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ