ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมต่อกันมากกว่าที่เคย การขาดแคลนแรงงานไม่ได้เกิดแค่ในประเทศกำลังพัฒนา แต่กำลังกลายเป็นปัญหาระดับโลกที่หลายประเทศพัฒนาแล้วเผชิญอยู่ ทั้งจากปัจจัยด้านโครงสร้างประชากร เทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด และความต้องการทักษะใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับคนรุ่นใหม่หรือคนทำงานที่กำลังมองหาโอกาส "ข้ามประเทศ" การเข้าใจว่าประเทศไหนกำลังขาดแรงงาน และสายงานไหนกำลังเป็นที่ต้องการ คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการวางแผนอนาคตให้ไปได้ไกลกว่าที่คิด
ประเทศที่ขาดแรงงานอย่างชัดเจน
1. เยอรมนี (Germany)
เยอรมนีกำลังขาดแรงงานหนักในกลุ่ม เทคนิคและวิศวกรรม เช่น ช่างไฟฟ้า วิศวกรโยธา และไอที
ปัจจัยหลักมาจากประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น และเด็กเกิดใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลมีโครงการ "Germany Skilled Immigration Act" เปิดรับแรงงานทักษะจากต่างประเทศง่ายขึ้น
2. แคนาดา (Canada)
แคนาดาประสบปัญหาขาดแรงงานใน สายสุขภาพ, การก่อสร้าง และ เทคโนโลยีสารสนเทศ
โปรแกรม "Express Entry" และ "Provincial Nominee Programs" ช่วยให้แรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานและตั้งถิ่นฐานได้รวดเร็วขึ้น
ญี่ปุ่นเผชิญการขาดแคลนแรงงานใน งานดูแลผู้สูงอายุ, การผลิต และ การบริการ อย่างต่อเนื่อง
มีการออกวีซ่า "Specified Skilled Worker" เพื่อรับแรงงานต่างชาติอย่างเป็นระบบ
ออสเตรเลียต้องการแรงงานในสาย สุขภาพ, ก่อสร้าง, พลังงานสะอาด และ ไอที
โครงการ "Skill Shortage List" ช่วยเปิดทางให้คนที่มีทักษะตรงความต้องการยื่นขอวีซ่าง่ายขึ้น
แม้เศรษฐกิจจะขนาดใหญ่ แต่สหรัฐฯ ยังขาดแรงงานใน ไอทีขั้นสูง, การดูแลสุขภาพ และ วิศวกรรม
วีซ่า H-1B เป็นประตูสำคัญสำหรับแรงงานทักษะสูงที่ต้องการทำงานในอเมริกา
สายไอที (IT Specialist): นักพัฒนาซอฟต์แวร์, นักวิเคราะห์ข้อมูล, Cybersecurity
สายสุขภาพ (Healthcare Worker): พยาบาล, ผู้ช่วยแพทย์, นักกายภาพบำบัด
สายวิศวกรรม (Engineer): วิศวกรเครื่องกล, วิศวกรพลังงานสะอาด
สายการก่อสร้าง (Construction Worker): ช่างไม้, ช่างไฟ, ผู้ควบคุมโครงการ
สายโลจิสติกส์และซัพพลายเชน (Logistics/Supply Chain): ผู้จัดการคลังสินค้า, นักวิเคราะห์ซัพพลายเชน
มีโอกาสได้ค่าตอบแทนสูงขึ้นกว่าตลาดงานในประเทศตนเอง
ได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และสภาพแวดล้อมการทำงานระดับโลก
หลายประเทศเสนอสิทธิประโยชน์ เช่น วีซ่าถาวร หรือสวัสดิการครอบครัว