หน้าแรก คลังความรู้ การพัฒนาตนเอง

ตื่นเช้าไม่ได้สักที? เทคนิค 'Body Clock Reset' ที่นักเรียนญี่ปุ่นใช้ปรับจังหวะชีวิตก่อนสอบ

วันที่เวลาโพส 03 ตุลาคม 68 17:28 น.
อ่านแล้ว 0
พี่กองทัพ AP

ตื่นเช้าไม่ได้สักที? เทคนิค 'Body Clock Reset' ที่นักเรียนญี่ปุ่นใช้ปรับจังหวะชีวิตก่อนสอบ

ตื่นสาย พลาดคาบเช้า สมองงง ไม่กระปรี้กระเปร่า แล้วก็บอกตัวเองว่า "ฉันไม่ใช่คนตื่นเช้าหรอก" ฟังดูคุ้นๆ ไหม?

พี่เคยเจอนักเรียนหลายคนที่บอกว่า "ตื่นเช้าไม่ได้จริงๆ" แต่รู้ไหมว่านักเรียนญี่ปุ่นที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Tokyo University หรือ Waseda พวกเขามีเทคนิคลับที่ชื่อว่า "Body Clock Reset" ที่ช่วยให้ปรับจังหวะชีวิตได้จริง ไม่ใช่แค่ตั้งนาฬิกาปลุกเยอะขึ้นเท่านั้น!

ทำไมนาฬิกาชีวิตถึงสำคัญกับการสอบ?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า นาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm) คือจังหวะธรรมชาติของร่างกายที่บอกเราว่าควรตื่น-นอนเมื่อไหร่ เมื่อนาฬิกาชีวิตปกติ สมองจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเช้า หน่วยความจำแข็งแรง สมาธิดี เหมาะกับการเรียนและสอบมากที่สุด

แต่ถ้านาฬิกาชีวิตยุ่ง นอนดึก ตื่นสาย ร่างกายจะไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำอะไร ส่งผลให้เรียนไม่รู้เรื่อง เหนื่อยง่าย จำได้ไม่ดี และที่สำคัญ วันสอบจริงที่เริ่มตอนเช้า ร่างกายจะยังไม่พร้อมเลย!

เทคนิค Body Clock Reset แบบญี่ปุ่น เริ่มต้นยังไง?

นักเรียนญี่ปุ่นไม่ได้บังคับตัวเองด้วย "ความตั้งใจ" อย่างเดียว แต่ใช้วิทยาศาสตร์และวินัยเข้าช่วย มาดูกันว่าพวกเขาทำอย่างไร

1. ตื่นเวลาเดิมทุกวัน (แม้วันหยุด!)

ขั้นแรกที่สำคัญที่สุดคือ ตั้งเวลาตื่นเหมือนกันทุกวัน แม้แต่วันเสาร์-อาทิทย์ เพราะนาฬิกาชีวิตชอบความสม่ำเสมอ ถ้าวันธรรมดาตื่น 6 โมงเช้า แต่วันหยุดนอนยาวถึง 10 โมง ร่างกายจะสับสน ทำให้จันทร์ตื่นยากมากขึ้น

เคล็ดลับ: ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่เวลาเดียวกัน 7 วันต่อสัปดาห์ อาจฟังดูโหดนิดนึง แต่ให้ลองทำสัก 2 สัปดาห์ น้องจะรู้สึกว่าตื่นง่ายขึ้นเองโดยไม่ต้องง้อนาฬิกาปลุกเลยนะ

2. รับแสงแดดทันทีที่ตื่นนอน

สิ่งที่นักเรียนญี่ปุ่นทำทุกเช้าคือ เปิดม่าน เดินออกไปรับแสงแดด ภายใน 15-30 นาทีแรกหลังตื่น เพราะแสงธรรมชาติจะส่งสัญญาณไปที่สมองว่า "ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแล้ว ต้องตื่นตัว!" ช่วยหยุดการหลั่งฮอร์โมนง่วง (Melatonin) ทันที

ลองเปิดหน้าต่างตอนตื่น หรือนั่งทานอาหารเช้าใกล้หน้าต่าง จะรู้สึกสดชื่นมากขึ้นเยอะเลย

3. หลีกเลี่ยงหน้าจอก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง

แสงสีน้ำเงินจากมือถือ แท็บเล็ต จะทำให้สมองคิดว่ายังเป็นกลางวัน ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนง่วง ทำให้นอนยากและนอนไม่ลึก นักเรียนญี่ปุ่นจะวางมือถือก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง หันมาอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน หรือฟังเพลงเบาๆ แทน

4. กินอาหารเช้าทุกวัน ไม่ข้าม!

ร่างกายใช้มื้ออาหารเป็นสัญญาณบอกเวลาด้วย การกินอาหารเช้าเวลาเดิมทุกวันจะช่วยตั้งนาฬิกาชีวิตให้แม่นยำขึ้น อาหารเช้าที่ดีควรมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เช่น ไข่ นม ขนมปังโฮลวีต ช่วยให้สมองทำงานได้ดีตลอดเช้านะ

5. ออกกำลังกายตอนบ่าย-เย็น

การออกกำลังกายช่วยให้นอนหลับลึกขึ้น แต่อย่าออกกำลังกายหนักก่อนนอน เพราะจะทำให้ตื่นตัวเกินไป นักเรียนญี่ปุ่นมักออกกำลังกายตอนบ่ายหรือเย็น เช่น เดินเร็ว ยืดเหยียด 20-30 นาที ก็พอ

ผลลัพธ์ที่น้องจะได้รับ

เมื่อนาฬิกาชีวิตสม่ำเสมอ น้องจะรู้สึกว่า ตื่นแล้วสดชื่น สมองทำงานได้ดีตั้งแต่เช้า จำได้ดีขึ้น และที่สำคัญ วันสอบจริงที่เริ่มตอน 8-9 โมงเช้า ร่างกายจะพร้อมในสภาวะดีที่สุดแล้ว!

การรีเซ็ตนาฬิกาชีวิตอาจใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ จนกว่าร่างกายจะปรับตัว แต่เชื่อพี่เลยว่ามันคุ้มค่ากับทุกความพยายาม ลองทำดูสัก 2 สัปดาห์ แล้วน้องจะรู้สึกถึงความแตกต่างเอง

พร้อมปรับจังหวะชีวิตไปด้วยกันแล้วไหม? เริ่มพรุ่งนี้เลย ตื่นเวลาเดียวกัน เปิดหน้าต่างรับแสง แล้วค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่ไปทีละขั้น พี่เชื่อว่าน้องทำได้แน่นอนนะ

คนอื่นๆอ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ