หน้าแรก คลังความรู้ การพัฒนาตนเอง

"Time Blocking vs Task Batching - จัดตารางแบบไหนเหมาะกับคุณ?"

วันที่เวลาโพส 11 พฤศจิกายน 68 16:25 น.
อ่านแล้ว 0
พี่กองทัพ AP

ทำไมบางคนวางแผนละเอียดทุกชั่วโมงแล้วทำได้ดี แต่คนอื่นทำตามแล้วรู้สึกอึดอัด? ทำไมบางคนจัดกลุ่มงานเหมือนกันทำพร้อมกันแล้วเร็วขึ้น แต่บางคนทำแล้วเบื่อ? คำตอบคือ Time Blocking กับ Task Batching เป็นคนละระบบ เหมาะกับคนละแบบ ถ้าเข้าใจความแตกต่างและเลือกให้ถูก จะทำให้วางแผนการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่รู้สึกกดดัน

Time Blocking คืออะไร?

Time Blocking คือการวางแผนโดยแบ่งเวลาออกเป็นช่วงๆ (blocks) และกำหนดว่าแต่ละช่วงจะทำอะไร

หลักการ:

08:00-09:30 → อ่านหนังสือ Biology
09:30-09:45 → พัก
09:45-11:15 → ทำโจทย์คณิตศาสตร์
11:15-11:30 → พัก
11:30-13:00 → เขียน Essay ภาษาอังกฤษ

คุณลักษณะ:

  • มองเวลาเป็น "กล่อง" ที่ต้องเติมงาน
  • ทุกชั่วโมงรู้ว่าจะทำอะไร
  • มี start time และ end time ชัดเจน
  • แต่ละ block ทำงานอะไรก็ได้ (ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน)

ใช้โดย:

  • Cal Newport (Deep Work)
  • Elon Musk (มี block ละเอียดทุก 5 นาที!)
  • Bill Gates

Task Batching คืออะไร?

Task Batching คือการจัดกลุ่มงานที่คล้ายกันมาทำพร้อมกันในช่วงเดียว

หลักการ:

วันจันทร์เช้า → ทำโจทย์คณิต ทุกวิชา (20 ข้อ)
วันจันทร์บ่าย → อ่านเฉพาะ textbook (ทุกวิชา)
วันอังคารเช้า → ทำ flashcards (ทุกวิชา)

คุณลักษณะ:

  • จัดกลุ่มตามประเภทงาน ไม่ใช่เวลา
  • ทำงานชนิดเดียวกันซ้ำๆ
  • ลด context switching
  • เวลาไม่คงที่ (ขึ้นกับว่างานนั้นใช้เวลานานแค่ไหน)

ใช้โดย:

  • Tim Ferriss (4-Hour Workweek)
  • นักธุรกิจ entrepreneurs

เปรียบเทียบแบบละเอียด

Time Blocking

ข้อดี:  มีโครงสร้างชัดเจน - รู้ทุกชั่วโมงว่าทำอะไร  จัดสมดุลได้ดี - ควบคุมเวลาแต่ละวิชา/งาน  มี deadline ชัดเจน - แต่ละ block มีเวลาจบ → ไม่ทำเกิน  เหมาะกับงานหลากหลาย - วันหนึ่งทำได้หลายแบบ  ป้องกัน overwork - เวลาหมด = หยุด

ข้อเสีย:  Rigid (แข็งตัว) - ถ้างานล่าช้า ทั้งวันพัง  Context switching สูง - เปลี่ยนงานบ่อย สมองเหนื่อย  Planning overhead - ต้องใช้เวลาวางแผนทุกวัน  Stressful ถ้าไม่ทัน - รู้สึกกดดันตลอด  ไม่ flexible - ยากที่จะปรับเปลี่ยนกลางคัน

เหมาะกับ:

  • คนที่ชอบโครงสร้าง
  • มีงานหลากหลายที่ต้องทำทุกวัน
  • ต้องการ work-life balance
  • มีตารางค่อนข้างแน่นอน
  • ชอบ "เห็นภาพ" ทั้งวัน

ไม่เหมาะกับ:

  • คนที่ไม่ชอบถูกบังคับ
  • งานที่ใช้เวลาไม่แน่นอน
  • คนที่ชอบ flow state ต่อเนื่อง

Task Batching

ข้อดี: Flow state ดี - ทำงานเดียวยาวๆ จนเข้าจังหวะ Efficiency สูง - ลด setup time, context switching  Less mental fatigue - ไม่ต้องเปลี่ยนโหมดคิดบ่อย  Flexible ในแต่ละ batch - ทำจนเสร็จ ไม่มี hard deadline  Momentum - ยิ่งทำยิ่งเร็ว (practice effect)

ข้อเสีย:  อาจไม่สมดุล - ถ้า batch ยาวเกินไป เบื่อ/เหนื่อย  ยากที่จะประมาณเวลา - ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่  อาจละเลยงานอื่น - โฟกัสแต่ batch เดียว  Boring ได้ง่าย - ทำซ้ำๆ อาจน่าเบื่อ  Delay ได้ง่าย - ไม่มี deadline ชัดเจน

เหมาะกับ:

  • คนที่ชอบ deep focus
  • งานที่มีหลายชิ้นคล้ายๆ กัน (โจทย์ 50 ข้อ, flashcards 100 ใบ)
  • ชอบทำจนเสร็จ มากกว่าแบ่งเป็นงวด
  • มี creative work ที่ต้องการ flow
  • เบื่องานที่ต้องสลับไปมา

ไม่เหมาะกับ:

  • คนที่ต้องการ variety
  • วันที่มีหลายภาระต่างชนิด
  • คนที่ทำงานเดียวนานๆ เบื่อ

วิธีเลือกระบบที่เหมาะกับตัวเอง

ถามตัวเอง 5 คำถาม:

1. คุณชอบโครงสร้างแค่ไหน?

  • มาก → Time Blocking
  • น้อย → Task Batching

2. งานของคุณหลากหลายหรือไม่?

  • หลากหลายมาก (หลายวิชา, หลายประเภท) → Time Blocking
  • คล้ายๆ กัน (ทำโจทย์เยอะ, อ่านเยอะ) → Task Batching

3. คุณทำงานชิ้นเดียวนานได้ไหม?

  • ได้ (2-3 ชั่วโมง) → Task Batching
  • ไม่ได้ (เบื่อเร็ว) → Time Blocking

4. คุณสามารถประมาณเวลางานได้แม่นไหม?

  • แม่น → Time Blocking
  • ไม่แม่น (บางทีเร็ว บางทีช้า) → Task Batching

5. คุณมีตารางแน่นอนหรือไม่?

  • แน่นอน (เรียน, นัดหมาย) → Time Blocking
  • ยืดหยุ่น → Task Batching หรือ Hybrid

Hybrid Approach: ผสมสองระบบ

ระบบที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียน = ผสม!

กลยุทธ์ที่ 1: Time Block + Task Batch

โครงสร้าง:

08:00-11:00 (Time Block): Math Batch
    → ทำโจทย์คณิต ทุกบท
    
11:00-11:20: พัก

11:20-14:00 (Time Block): Reading Batch
    → อ่าน textbook ทุกวิชา
    
14:00-14:30: กินข้าว + พัก

14:30-17:00 (Time Block): Writing Batch
    → เขียน essays/รายงาน ทุกวิชา

ได้ประโยชน์:

  • Time block = มีโครงสร้างวัน
  • Task batch ใน block = ได้ efficiency

กลยุทธ์ที่ 2: ใช้ Time Blocking วันธรรมดา, Task Batching วันหยุด

วันธรรมดา (มีเรียน):

  • ต้องไปเรียน 9:00-16:00
  • เวลาว่าง limited
  • ใช้ Time Blocking วางแผนชัดเจน

วันหยุด (เวลาเต็ม):

  • ไม่มีตารางบังคับ
  • เวลามาก
  • ใช้ Task Batching ทำงานก้อนใหญ่

กลยุทธ์ที่ 3: เช้า Block, บ่าย Batch

เช้า (08:00-12:00):

  • สมองสดชื่น
  • ใช้ Time Blocking ทำงานหนักหลายอย่าง
  • เปลี่ยนไปมาได้

บ่าย (14:00-18:00):

  • สมองเริ่มเหนื่อย
  • ใช้ Task Batching ทำงานซ้ำๆ
  • ไม่ต้องคิดมาก เข้า flow ได้ง่าย

ตัวอย่างการใช้งานจริง

สถานการณ์ 1: เตรียมสอบ 5 วิชา (2 สัปดาห์)

 แบบไม่มีระบบ:

วันที่ 1: อ่านวิชา 1 นิดหน่อย
วันที่ 2: อ่านวิชา 2 นิดหน่อย
...
วันที่ 14: panic! ไม่มีอะไรจำได้

 Time Blocking:

Week 1:
วันจันทร์: 
- 09:00-11:00 วิชา 1
- 11:30-13:30 วิชา 2
- 14:00-16:00 วิชา 3

วันอังคาร:
- 09:00-11:00 วิชา 4
- 11:30-13:30 วิชา 5
- 14:00-16:00 review วิชา 1

[จัดให้ครบทุกวิชาทุกสัปดาห์]

 Task Batching:

Week 1:
วันจันทร์-อังคาร: Reading Batch (อ่าน textbook ทั้ง 5 วิชา)
วันพุธ-พฤหัส: Problem-Solving Batch (ทำโจทย์ทั้ง 5 วิชา)
วันศุกร์-เสาร์: Flashcard Batch (ท่องจำทั้ง 5 วิชา)
วันอาทิตย์: Review Batch (ทบทวนทั้งหมด)

เหมาะกับใคร:

  • Time Blocking: คนที่ต้องการทุกวิชาคืบหน้าพร้อมกัน
  • Task Batching: คนที่ทำงานชิ้นเดียวได้ยาวๆ

สถานการณ์ 2: วันหนึ่งต้องทำหลายอย่าง

งานวันนี้:

  • อ่านหนังสือ 3 วิชา
  • ทำโจทย์คณิต 20 ข้อ
  • เขียนรายงาน
  • ทำ flashcards

 Time Blocking แบบผิด:

09:00-10:00 อ่านวิชา 1
10:00-11:00 ทำโจทย์ 5 ข้อ
11:00-12:00 เขียนรายงาน
12:00-13:00 ทำ flashcards 10 ใบ
13:00-14:00 อ่านวิชา 2
[สลับไปมา → สมองงง!]

 Time Blocking แบบถูก:

09:00-12:00 อ่านหนังสือทั้ง 3 วิชา (ไม่ขัดจังหวะ)
12:00-13:00 พักกินข้าว
13:00-15:00 ทำโจทย์คณิต 20 ข้อจบ
15:00-15:20 พัก
15:20-17:00 เขียนรายงาน
17:00-18:00 ทำ flashcards

 Task Batching:

เช้า: Reading session (อ่านหนังสือทั้ง 3 วิชาจบ)
บ่าย: Problem-solving session (โจทย์คณิตจบ)
เย็น: Creative work (เขียนรายงาน) + Memorization (flashcards)

เครื่องมือช่วยวางแผน

สำหรับ Time Blocking:

Digital:

  • Google Calendar - ดีที่สุด! มี color coding
  • Fantastical - สวย user-friendly
  • Notion Calendar - ใช้ร่วมกับ Notion ได้

Analog:

  • Bullet Journal - วาดเอง flexible
  • Daily planner - มี template สำเร็จ
  • กระดาษ A4 - แบ่ง blocks ด้วยไม้บรรทัด

Tips:

  • ใช้สีต่างกัน = งานต่างประเภท
  • ใส่ buffer time ระหว่าง blocks
  • Review ทุกเย็นว่าวันนี้เป็นยังไง

สำหรับ Task Batching:

Digital:

  • Todoist - จัดกลุ่มงาน, มี sections
  • Trello - boards สำหรับแต่ละ batch
  • Notion - database แยกตาม task type

Analog:

  • Checklist แยกประเภท - กระดาษใบเดียว หลาย columns
  • Sticky notes - สีต่างกัน = batch ต่างกัน

Tips:

  • ประมาณเวลาแต่ละ batch (คร่าวๆ)
  • เริ่มจาก batch ที่ยากที่สุด (เช้า)
  • มี "quick wins" batch ปลายวัน (เพิ่มกำลังใจ)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

Time Blocking:

 ผิดพลาดที่ 1: Block สั้นเกินไป

  • 20-30 นาที/block = สลับงานบ่อยเกิน
  • ควรอย่างน้อย 60-90 นาที

 ผิดพลาดที่ 2: ไม่มี buffer time

  • block ต่อกันชิดเกิน
  • ควรมี 10-20 นาทีระหว่าง blocks

 ผิดพลาดที่ 3: Over-planning

  • วางแผนละเอียดทุกวัน แล้วไม่เคยทำได้ตามแผน
  • ควร: 70% planned, 30% flexible

 ผิดพลาดที่ 4: ไม่ปรับแผน

  • ถือตารางเป็นกฏตายตัว
  • ควรปรับได้ถ้าจำเป็น

Task Batching:

 ผิดพลาดที่ 1: Batch ยาวเกินไป

  • ทำงานเดียว 5-6 ชั่วโมง → เบื่อ, เหนื่อย
  • ควร: max 2-3 ชั่วโมง/batch, แล้วพัก

 ผิดพลาดที่ 2: Batch ผิดประเภท

  • รวมงานที่ไม่เหมือนกัน (เช่น "งานวิชา A" แต่มีทั้งอ่าน ทำโจทย์ เขียน)
  • ควร: จัดกลุ่มตาม action type (อ่าน, เขียน, ทำโจทย์)

 ผิดพลาดที่ 3: ไม่มีจุดหยุด

  • ทำต่อเรื่อยๆ จนหมดแรง
  • ควรตั้ง break ทุก 90-120 นาที

 ผิดพลาดที่ 4: เริ่มจาก batch ง่าย

  • เก็บงานยากไว้ทีหลัง → ไม่มีพลังทำ
  • ควร: hard batch ตอนเช้า

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนระบบ?

สัญญาณว่า Time Blocking ไม่เหมาะ:

  • รู้สึกกดดันตลอด
  • ไม่เคยทำตามแผนได้
  • รู้สึก "ติดกรง"
  • เบื่อกับการวางแผนทุกวัน

ลอง Task Batching

สัญญาณว่า Task Batching ไม่เหมาะ:

  • ทำงานไม่ครบทุกอย่าง (โฟกัสแต่อย่างเดียว)
  • ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่
  • ทำต่อเนื่องจนเหนื่อยเกิน
  • งานบางอย่างไม่เคยทำ (เลื่อนเรื่อย)

ลอง Time Blocking

หรือลอง Hybrid!

สรุป

Time Blocking:

  • มองเวลาเป็นหลัก
  • เหมาะกับ: โครงสร้าง, หลากหลายงาน, ต้องการสมดุล
  • Tools: Google Calendar, Planner

Task Batching:

  • จัดกลุ่มงานเป็นหลัก
  • เหมาะกับ: deep focus, งานซ้ำๆ เยอะ, ชอบ flow
  • Tools: Todoist, Trello

Hybrid = ดีที่สุด:

  • Time block ภาพรวม
  • Task batch ภายใน block
  • ได้ทั้งโครงสร้างและ efficiency

วิธีเลือก:

  1. ลองทั้ง 2 แบบ (อย่างละ 1 สัปดาห์)
  2. สังเกตว่าแบบไหนสบายใจกว่า
  3. ปรับแต่งให้เหมาะกับตัวเอง
  4. ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบเดียว!

จำไว้: ระบบที่ดีที่สุด = ระบบที่คุณทำได้จริง ไม่ใช่ระบบที่ดูดีที่สุด! 

คนอื่นๆอ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ