"AI วินิจฉัยโรคแม่นกว่าหมอ จ่ายยาได้เองไม่ต้องพึ่งเภสัช แล้วจะเรียนสายสุขภาพไปทำไม?"
คำถามนี้ทำให้น้องหลายคนที่ฝันอยากเป็นหมอ ทันตแพทย์ หรือเภสัชกร เริ่มลังเล วันนี้พี่จะพาไปดูความจริงว่าแต่ละสายจะเป็นอย่างไรในยุค AI
ตลาด Medical AI คาดว่าจะเติบโตจาก 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 เป็นมากกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 Offcall นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุค Electronic Health Records
การศึกษาของ Accenture คาดการณ์ว่า AI อาจสร้างการประหยัดได้ถึง 150 พันล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับระบบสาธารณสุขสหรัฐฯ ภายในปี 2026 ShiftMed
AI จะเป็น "ผู้ช่วย" ที่ทรงพลังของแพทย์ ไม่ใช่คู่แข่ง
ระบบ AI สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น X-rays, Mammograms และการสแกนจอประสาทตา ด้วยความแม่นยำในการวินิจฉัยเทียบเท่าหรือเหนือกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาแบบควบคุม Offcall
การผสานรวม AI กับระบบ EHR อาจช่วยลดภาระงานธุรการลงประมาณ 50% ของงาน Routine ซึ่งอาจช่วยประหยัดเวลาให้แพทย์ได้ 15-20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ Offcall
สิ่งที่ AI ทำแทนไม่ได้คือ การสร้างความไว้วางใจกับผู้ป่วย, การตัดสินใจในสถานการณ์ซับซ้อน และความเห็นอกเห็นใจที่มนุษย์เท่านั้นให้ได้
อุตสาหกรรมทันตกรรมยังคงวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การประยุกต์ใช้ AI ที่ก้าวล้ำไปจนถึงแนวทางการดูแลผู้ป่วยแบบปฏิวัติ ปี 2026 จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานของทันตแพทย์ AMN Healthcare
AI ในทันตกรรมมุ่งเน้นการเสริมทักษะของทันตแพทย์ ไม่ใช่แทนที่ AI ขาดคุณสมบัติที่จำเป็นของมนุษย์ เช่น สัญชาตญาณ ความคิดสร้างสรรค์ และความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งสำคัญต่อการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์กับผู้ป่วย Curvedental
AI Scribes ช่วยลดภาระงานธุรการลง 30% ทำให้ทันตแพทย์มีเวลาดูแลผู้ป่วยมากขึ้น Curvedental
สายนี้ต้องระวังและเตรียมตัวให้พร้อม เพราะงาน Routine กำลังถูก Automate
Walgreens ใช้ระบบหุ่นยนต์ส่วนกลางในการจ่ายยา 60% ของใบสั่งยาสำหรับร้านประมาณ 3,000 สาขา ขณะที่ Walmart มีแผนให้ระบบอัตโนมัติรองรับ 90% ของร้านภายในปี 2026 Pharmacy Times
แต่ข่าวดีคือ Bureau of Labor Statistics ประมาณการว่าการจ้างงานเภสัชกรจะเติบโต 5% ตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2033 โดยมีตำแหน่งงานเปิดใหม่ 14,200 ตำแหน่งต่อปี Roseman University of Health Sciences
ในปี 2025 ผลกระทบของ AI กำลังผลักดันวิชาชีพเภสัชกรรมไปข้างหน้า โดยทำให้งาน Routine เป็นอัตโนมัติ และปลดปล่อยเภสัชกรให้ทำงานที่เน้นผู้ป่วยซึ่งต้องใช้วิจารณญาณ ความเห็นอกเห็นใจ และความเชี่ยวชาญทางคลินิก careers4pharmacists
ทุกสายยังมีอนาคต แต่ต้องปรับตัว! แพทย์จะได้ AI เป็นผู้ช่วยทรงพลัง, ทันตแพทย์จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, ส่วนเภสัชกรต้องเปลี่ยนจาก "ผู้จ่ายยา" เป็น "ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วย"
ถ้าน้องมีใจรักในการดูแลสุขภาพผู้คน พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยี และเข้าใจว่า AI คือเครื่องมือ ไม่ใช่คู่แข่ง ทั้งสามสายนี้ยังคงเป็นเส้นทางที่มีคุณค่าและรอน้องอยู่!
