สอบเข้ามหาวิทยาลัย
รมว.ศึกษาธิการ ชี้เลิกประกาศจัดอันดับนักเรียน ไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณค่าเด็ก
วันที่เวลาโพส
02 ต.ค. 68 16:41 น.
รมว.ศึกษาธิการ เร่งผู้บริหาร สพฐ.ปรับปรุงระบบการวัดและประเมินผลผู้เรียน ชี้ทุกคนเก่งต่างกันไม่ควรกำหนดเกณฑ์การประเมินผลในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด พร้อมเลิก ประกาศผลการเรียนที่ 1 ถึงที่สุดท้ายย้ำชัด ไม่ส่งเสริมการเรียนรู้
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบนโยบายแก่ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ชุดใหม่ โดยให้เร่งดำเนินการปรับปรุงระบบการวัดและประเมินผลผู้เรียน เนื่องจากมองว่า ผู้เรียนแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ทั้งด้านวิชาการ ศิลปะ ดนตรี และกีฬา จึงไม่ควรกำหนดเกณฑ์การประเมินผลในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด สำหรับแนวทางการประเมินผลควรพิจารณาจากการพัฒนาของผู้เรียนรายบุคคล โดยเปรียบเทียบความก้าวหน้าของตนเองเมื่อเทียบกับผลการเรียนที่ผ่านมา หรือเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้เรียนในระดับเดียวกันว่ามีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด มากกว่าการประกาศผลการสอบในลักษณะการจัดอันดับ เช่น การได้ลำดับที่ 1–5 หรืออยู่ในลำดับท้ายสุดของห้องเรียน ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ส่งเสริมการเรียนรู้และควรยุติการปฏิบัติเช่นนั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การให้คำจำกัดความว่า “เด็กเก่ง” ไม่ควรมุ่งเน้นเพียงด้านวิชาวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์เท่านั้น เพราะผู้เรียนแต่ละคนมีศักยภาพในด้านที่แตกต่างกันออกไป การมองว่าเด็กที่ไม่ถนัดวิชาวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์เป็นเด็กไม่เก่ง ถือเป็นทัศนคติที่ไม่เหมาะสม จึงได้มอบหมายให้ สพฐ. ส่งเสริมการค้นหาศักยภาพผู้เรียนและสนับสนุนเด็กที่มีความสามารถในด้านอื่น ๆ เช่น ศิลปะ กีฬา ภาษา และดนตรี พร้อมทั้งขยายแนวคิดไปถึงผู้ปกครอง เพื่อให้ตระหนักว่า หากบุตรหลานมีความสนใจและความสามารถด้านใดด้านหนึ่ง ก็ควรได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง แม้จะไม่ใช่วิชาหลักในสายวิชาการ เนื่องจากความสามารถเหล่านี้สามารถต่อยอดไปสู่อาชีพและสร้างรายได้ในอนาคตได้
ที่มา NBT Connext
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบนโยบายแก่ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ชุดใหม่ โดยให้เร่งดำเนินการปรับปรุงระบบการวัดและประเมินผลผู้เรียน เนื่องจากมองว่า ผู้เรียนแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ทั้งด้านวิชาการ ศิลปะ ดนตรี และกีฬา จึงไม่ควรกำหนดเกณฑ์การประเมินผลในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด สำหรับแนวทางการประเมินผลควรพิจารณาจากการพัฒนาของผู้เรียนรายบุคคล โดยเปรียบเทียบความก้าวหน้าของตนเองเมื่อเทียบกับผลการเรียนที่ผ่านมา หรือเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้เรียนในระดับเดียวกันว่ามีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด มากกว่าการประกาศผลการสอบในลักษณะการจัดอันดับ เช่น การได้ลำดับที่ 1–5 หรืออยู่ในลำดับท้ายสุดของห้องเรียน ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ส่งเสริมการเรียนรู้และควรยุติการปฏิบัติเช่นนั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การให้คำจำกัดความว่า “เด็กเก่ง” ไม่ควรมุ่งเน้นเพียงด้านวิชาวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์เท่านั้น เพราะผู้เรียนแต่ละคนมีศักยภาพในด้านที่แตกต่างกันออกไป การมองว่าเด็กที่ไม่ถนัดวิชาวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์เป็นเด็กไม่เก่ง ถือเป็นทัศนคติที่ไม่เหมาะสม จึงได้มอบหมายให้ สพฐ. ส่งเสริมการค้นหาศักยภาพผู้เรียนและสนับสนุนเด็กที่มีความสามารถในด้านอื่น ๆ เช่น ศิลปะ กีฬา ภาษา และดนตรี พร้อมทั้งขยายแนวคิดไปถึงผู้ปกครอง เพื่อให้ตระหนักว่า หากบุตรหลานมีความสนใจและความสามารถด้านใดด้านหนึ่ง ก็ควรได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง แม้จะไม่ใช่วิชาหลักในสายวิชาการ เนื่องจากความสามารถเหล่านี้สามารถต่อยอดไปสู่อาชีพและสร้างรายได้ในอนาคตได้
ที่มา NBT Connext
