มหาวิทยาลัยที่เข้ายากที่สุดในอเมริกา ปี 2019
วันที่เวลาโพส
11 ธันวาคม 62 22:28 น.
P' แพว AdmissionPremium
การสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย อาจเป็นขั้นตอนที่ยากและเครียดสำหรับน้องๆ ม.ปลายหลายคน เพราะการเลือกสถาบันที่มีคุณภาพ ก็เพื่อเป็นจุดตั้งต้นการันตีว่าอนาคตเราหลังจากเรียนจบจะไปได้ดี มีคุณภาพพอจะไปแข่งขันในตลาดงานกับคนอื่นๆ ได้
และแน่นอนว่ามีเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันอีกไม่น้อยที่คิดเหมือนกับเรา ไม่ว่าใครก็อยากเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่เว้นแม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่าง "สหรัฐอเมริกา" ที่ขึ้นชื่อด้านสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดติดอันดับโลกทุกปี
บทความนี้เรามีข้อมูลดีๆ มาฝากทุกๆ คนที่สนใจเรียนต่อในต่างประเทศ เกี่ยวกับ Top 10 มหาวิทยาลัยที่เข้ายากที่สุดในอเมริกา ปี 2019 โดยวัดจากอันดับของสถาบันและจำนวนผู้สมัครกับอัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียนของแต่ละสถาบัน
มาดูกันว่าวัยรุ่นอเมริกันเค้ามีความสนใจและอยากเข้าสถาบันไหนมากที่สุด
อันดับ 1 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 4.4%
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,380-1,580 (1,465)
อันดับ 2 มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด (Havard University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 4.5%
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,520
อันดับ 3 มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.1%
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,515
อันดับ 4 มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.8% (6.4%)
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,500
อันดับ =5 มหาวิทยาลัยเยล (Yale University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.9%
อันดับ =5 มหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.9%
อันดับ 7 มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ (Vanderbilt University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.3%
อันดับ =8 สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech : California Institute of Technology)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.6 %
อันดับ =8 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.6 %
อันดับ =8 มหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.6 %
* อัตราการรับนักศึกษาเข้าได้ หมายถึง % น้อยสุดในบรรดามหาวิทยาลัยต่างๆ แปลว่าคนสอบเข้าเยอะแต่เข้าได้น้อย คือเข้ายากที่สุดนั่นเอง โดยเกณฑ์การสอบเข้าจะใช้คะแนน SAT ซึ่งเป็นข้อสอบมาตรฐานสากลวัดความถนัดทางคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษสำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุมศึกษา มีคะแนนเต็มอยู่ที่ 1,600 คะแนน
ที่มา :
10 Hardest Schools To Get Into Across The Globe 2019
MarketThink
และแน่นอนว่ามีเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันอีกไม่น้อยที่คิดเหมือนกับเรา ไม่ว่าใครก็อยากเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่เว้นแม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่าง "สหรัฐอเมริกา" ที่ขึ้นชื่อด้านสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดติดอันดับโลกทุกปี
บทความนี้เรามีข้อมูลดีๆ มาฝากทุกๆ คนที่สนใจเรียนต่อในต่างประเทศ เกี่ยวกับ Top 10 มหาวิทยาลัยที่เข้ายากที่สุดในอเมริกา ปี 2019 โดยวัดจากอันดับของสถาบันและจำนวนผู้สมัครกับอัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียนของแต่ละสถาบัน
มาดูกันว่าวัยรุ่นอเมริกันเค้ามีความสนใจและอยากเข้าสถาบันไหนมากที่สุด
อันดับ 1 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 4.4%
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,380-1,580 (1,465)
อันดับ 2 มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด (Havard University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 4.5%
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,520
อันดับ 3 มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.1%
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,515
อันดับ 4 มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.8% (6.4%)
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT : 1,500
อันดับ =5 มหาวิทยาลัยเยล (Yale University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.9%
อันดับ =5 มหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 5.9%
อันดับ 7 มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ (Vanderbilt University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.3%
อันดับ =8 สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech : California Institute of Technology)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.6 %
อันดับ =8 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.6 %
อันดับ =8 มหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University)
อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียน 6.6 %
* อัตราการรับนักศึกษาเข้าได้ หมายถึง % น้อยสุดในบรรดามหาวิทยาลัยต่างๆ แปลว่าคนสอบเข้าเยอะแต่เข้าได้น้อย คือเข้ายากที่สุดนั่นเอง โดยเกณฑ์การสอบเข้าจะใช้คะแนน SAT ซึ่งเป็นข้อสอบมาตรฐานสากลวัดความถนัดทางคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษสำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุมศึกษา มีคะแนนเต็มอยู่ที่ 1,600 คะแนน
ที่มา :
10 Hardest Schools To Get Into Across The Globe 2019
MarketThink
